รอยเตอร์ - อันเนเกร็ต ครัมป์-คาร์เรนเบาเออร์ ในวันศุกร์(7ธ.ค.) ได้รับเลือกจากสมาชิกพรรคคริสเตียนเดโมเครติกยูเนียน CDU (Christian Social Union) สำหรับก้าวขึ้นแทนนางอังเกลา แมร์เคิล ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค การตัดสินใจที่ดันเธอเข้าสู่ตัวเต็งที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนต่อไป ผู้นำซึ่งทรงอิทธิพลมากที่สุดในยุโรป
ครัมป์-คาร์เรนเบาเออร์ วัย 56 ปี นักการเมืองในสังกัดของแมร์เคิลและเป็นผู้สมัครซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าบุคคลระดับสูงภายในพรรค ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคด้วยคะแนนเสียงจากคณะตัวแทนผู้ลงคะแนน(delegates) 517 เสียงจากทั้งหมด 999 เสียง มีชัยเหนือคู่แข่งอย่าง เฟรดริช เมิร์ซ ที่ได้คะแนนทั้งสิ้น 482 เสียง
ทั้งนี้ ครัมป์-คาร์เรนเบาเออร์ ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้ารัฐบาลรัฐซาร์ลันด์ ที่เธอเป็นผู้นำรัฐบาลผสม 3 พรรค มีชื่อเสียงจากการสนับสนุนความเป็นหนึ่งเดียวของพรรค CDU พรรคอนุรักษ์นิยม รวมถึงพรสวรรค์ในการสร้างแนวร่วมกับพรรคอื่นๆ
ครัมป์-คาร์เรนเบาเออร์ ซึ่งบางครั้งได้รับฉายาว่า"มินิ แมร์เคิล" กล่าวว่า "ฉันได้อ่านบทความมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันเป็นและฉันเป็นใคร บางคนบอกว่าฉันเป็นฉบับมินิ, ร่างก็อบบี้ หรือไม่ต่างจากเดิม ถึงคณะผู้ลงคะแนนทุกท่าน ตอนนี้ฉันยืนอยู่ต่อหน้าพวกคุณในแบบที่ฉันเป็นและในแบบที่ชีวิตสร้างให้ฉันเป็น ฉันภูมิใจกับสิ่งนี้" ครัมป์-คาร์เรนเบาเออร์กล่าว
แมร์เคิล เปิดเผยเมื่อเดือนตุลาคมว่าเธอจะสละตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่จะยังเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปจนหมดสมัย ในความพยายามลงจากเก้าอี้ให้นุ่มนวลที่สุด หลังจากประสบความเสื่อมถอยหลายระลอก นับตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจเปิดพรมแดนเยอรมนี อ้าแขนรับพวกผู้ลี้ภัยหลบหนีสงครามในตะวันออกกลางในปี 2015
คำแถลงเกี่ยวกับผลการนับคะแนนมาพร้อมกับเสียงปิติยินดี ในขณะที่ ครัมป์-คาร์เรนเบาเออร์ ที่มีน้ำตาซึมออกมา ได้กล่าวขอบคุณเหล่าคู่แข่งและเชิญพวกเขาขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับเธอ เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพรรค ท่ามกลางเสียงปรบมือของคณะตัวแทนผู้ลงคะแนน
ก่อนหน้านี้ เมร์เคิล ได้กล่าวอำลาการเป็นหัวหน้าพรรค โดยระบุว่า "ถือเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับฉัน"
ครัมป์-คาร์เรนเบาเออร์ มีความเห็นต่างจาก แมร์เคิล อยู่บ้างในนโยบายทางสังคมและต่างประเทศ ด้วยเธอโหวตเห็นชอบจัดสรรโควตาสำหรับผู้หญิงในเก้าอี้บอร์ดบริหารของบริษัทต่างๆและใช้แนวทางที่แข็งกร้าวขึ้นกับรัสเซีย โดยเธอบอกกับรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ายุโรปและสหรัฐฯควรพิจารณปิดกั้นเรือรัสเซียต่อวิกฤตยูเครน


