เอเจนซีส์ – ก่อนหน้าการลงมติรับรองร่างกฎหมาย BREXIT รัฐบาลอังกฤษแพ้โหวตสำคัญ 3 ญัตติสำคัญในสภาล่างอังกฤษเมื่อวานนี้(4 ธ.ค) ทำให้ครั้งแรกในประวัติศาสต์ที่รัฐบาลอังกฤษถูกระบุ “ละเมิดเอกสิทธิ์รัฐสภา” (contempt of parliament) ด้านแกนนำรณรงค์ให้อังกฤษลาออกจากสหภาพยุโรป “ไนเจล ฟาราจ” ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของประธานาธิบดีทรัมป์ลาออกจากพรรค UKIP ที่ตัวเองเป็นผู้ก่อตั้งแล้ว
DW สื่อเยอรมันรายงานเมื่อวานนี้(4 ธ.ค)ว่า รัฐบาลอังกฤษของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ที่อยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนักต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่หลังจากเมื่อวันอังคาร(4) รัฐบาลอังกฤษของเธอแพ้โหวต 3 ญัตติสำคัญในสภาสามัญชน เกิดขึ้นก่อนการลงมติรับรองร่างกฎหมาย BREXIT ลาออกจากสหภาพยุโรปที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้เมย์ต้องการได้เสียงรับรองจากสภาสำหรับร่างข้อตกลง BREXIT ซึ่งในวันอังคาร(4) ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป ECJ (European Court of Justice) ได้ออกมาให้คำแนะนำแก่ลอนดอนว่า ทางอังกฤษสามารถ “ยกเลิกการใช้มาตรา 50” ได้ตามลำพัง และถือเป็นทางเลือกของรัฐสภาอังกฤษโดยที่ชาติสมาชิกยุโรปไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้อง
การออกมาให้คำแนะนำของศาล ECJ นี้เกิดมาจากบรรดานักการเมืองในสกอตแลนด์ที่ต่อต้าน BREXIT พวกเขาหวังว่าหากศาล ECJ ออกคำตัดสินเห็นชอบให้อังกฤษสามารถยกเลิกกระบวนการใช้มาตรา 50ได้ฝ่ายเดียว จะเป็นการนำไปสู่ “พีเพิลส์ โหวต” (people's vote )หรือการลงประชามติครั้งใหม่สำหรับข้อตกลง BREXIT ของเมย์ โดยที่มีทางเลือกให้อังกฤษยังคงอยู่ในอียูต่อไป
แต่ทว่าการออกมาให้คำแนะนำของศาล ECJ กลับไม่ได้ทำให้ทุกฝ่ายพอใจ เพราะ ไนเจล ฟาราจ แกนนำรณรงค์ BREXIT ได้แสดงความเห็นต่อคำแนะนำว่า สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า มีความพยายามจากทั้ง 2 ฝั่งช่องแคบอังกฤษที่จะหยุด BREXIT
DWรายงานว่า มาตรา 50 ตามสนธิสัญญาลิสบอนเป็นกฎหมายที่ชาติสมาชิกอียูจะใช้เพื่อเริ่มต้นกระบวนการลาออก โดยรัฐบาลอังกฤษได้เริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มี.ค 2017 เป็นจุดเริ่มต้นระยะเวลา 2 ปีในกระบวนการลาออกอย่างเป็นทางการ
สื่อเยอรมันชี้ว่า เมื่อวานนี้(4) สมาชิกสภาสามัญชนอังกฤษได้ลงมติเห็นชอบ 311 ต่อ 293 ในการชี้ว่ารัฐบาลอังกฤษละเมิดเอกสิทธิ์รัฐสภา(contempt of parliament) จากสาเหตุที่ทางรัฐบาลเมย์ “ปกปิด” คำแนะนำทางกฎหมายสำคัญสำหรับข้อตกลงถอนตัว และทางออก Backstop ด้านศุลกากรเพื่อเลี่ยงปัญหาต้องตั้งด่านบริเวณพรมแดนระหว่างไอร์แลนด์เหนือและไอร์แลนด์หลังจากอังกฤษได้ถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปแล้ว
ซึ่งผู้นำรัฐสภาสามัญชนอังกฤษ แอนเดรีย ลีดซอม(Andrea Leadsom) ประกาศว่า รัฐบาลอังกฤษจะต้องเปิดเผยคำแนะนำทางการที่เป็น “ฉบับสุดท้ายและสมบูรณ์” จากสำนักงานอัยการสูงสุดอังกฤษที่ได้เสนอเข้าคณะครม.ของเมย์ในข้อตกลง BREXIT ซึ่งอัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ชี้ว่า การเปิดเผยจะเกิดขึ้นในวันพุธ(5)
และในประเด็นนี้จะถูกส่งต่อไปให้กับคณะกรรมาธิการเอกสิทธิ์(Privilege Committee)ตัดสินว่ามีรัฐมนตรีคนใดบ้างที่ต้องออกมารับผิดชอบต่อการปกปิด และรวมไปถึงมาตรการลงโทษหลังจากนั้น ลีดซอมแถลง สื่อกาตาร์รายงาน
ซึ่งก่อนหน้าพบว่ามีความพยายามจากบรรดารัฐมนตรีที่ต้องการให้ออกไปจากประเด็นการพิจารณาการละเมิดเอกสิทธิ์ด้วยการต้องการให้ประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถูกส่งไปยังคณะกรรมาธิการเอกสิทธิ์ข้ามพรรค (the cross-party Privileges Committee )ทำการพิจารณา แต่ต้องพ่าย 4 เสียง
สื่อเยอรมันชี้ว่า รัฐบาลอังกฤษมีความพยายามต้องการให้ทางคณะกรรมาธิการพิจารณาประเด็นทางกฎหมาย ที่จะส่งผลทันในการเลื่อนการตัดสินใจใดๆออกไปจนถึงการโหวตสำคัญสัปดาห์หน้า แต่ญัตตินี้กลับไม่ได้รับการเห็นชอบ และถือเป็นการพ่ายแพ้ของรัฐบาลอังกฤษ
นอกจากนี้ในการออกเสียงเมื่อวานนี้(4) รัฐบาลเมย์ยังต้องแพ้ในประเด็นที่อนุญาตให้สมาชิกรัฐสภาอังกฤษมีอำนาจในการตัดสินใจก้าวต่อไปหากว่าร่างข้อตกลง BREXIT ของเมย์นั้นบังเอิญไม่ผ่านในการออกเสียงในวันอังคารหน้าที่จะถึง(11) ซึ่งหมายความว่าทางสมาชิกสภาสามัญชนอังกฤษสามารถเปลี่ยนแปลงญัตติใดๆที่เกี่ยวข้องกับ BREXIT ที่ทางรัฐบาลอังกฤษเสนอเข้ามาได้
DW ชี้ว่าดูเหมือนว่าทางเมย์มีโอกาสน้อยมากที่จะทำให้ร่างข้อตกลง BREXIT ได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งทางบรรดาผู้รู้ต่างออกมาชี้ว่า เธอขาดเสียงสนับสนุนอีกอย่างน้อย 50 เสียง
และในกรณีที่ร่างข้อตกลงไม่ผ่านในสัปดาห์หน้า นายกฯเมย์จะมีเวลา 21 วันในการจัดทำแผนเชิงปฎิบัติในแถลงการณ์ต่อสภาสามัญชนอังกฤษ ซึ่งแผนเชิงปฎิบัติที่เสนอนั้นทางรัฐสภาอังกฤษมีสิทธิที่จะทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไข และให้สิทธิอำนาจสมาชิกสภาในการออกมาอภิปรายแสดงความคิดเห็น และให้แนวทางต่อทิศทางของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการลดความเสี่ยงที่อังกฤษจะต้องออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง
เมย์จำเป็นต้องได้รับการเห็นชอบจากสภาสามัญชนอังกฤษสำหรับข้อตกลงที่จะให้อังกฤษยังคงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอียูต่อไปหลังการลาออกที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมปีหน้า
“เราจำเป็นต้องให้ร่างข้อตกลง BREXIT ได้รับการเห็นชอบเพื่อเป็นการเคารพต่อการตัดสิน นายกฯเมย์แถลงต่อรัฐสภาอังกฤษในวันอังคาร(4) และกล่าวต่อว่า “ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงมานานจนเกินสมควร มันได้กัดกร่อนการเมืองอังกฤษของพวกเรา และชีวิตนั้นต้องขึ้นอยู่กับการประนีประนอม”
เมย์ยังกล่าวต่อว่า หากว่าทางรัฐสภาไม่ผ่านร่างข้อตกลง BREXIT จะส่งผลทำให้อังกฤษต้องออกมาจากอียูโดยที่ไม่มีมาตรการรับรองให้การผ่านข้ามนั้นเป็นไปอย่างนุ่มนวล หรือ BREXIT อาจไม่เกิดขึ้นเลย สื่อเยอรมันรายงาน
และเมื่อวานนี้(4) แกนนำรณรงค์ให้อังกฤษลาออกจากสหภาพยุโรป ไนเจล ฟาราจ (Nigel Farage) ได้ประกาศลาออกจากพรรค UKIP หลังจากที่ทางพรรคได้แต่งตั้ง ทอมมี โรบินสัน (Tommy Robinson)ในฐานะที่ปรึกษา โดยสื่ออังกฤษ ดิอิฟเวนนิงสแตนดาร์ดรายงานในวันอังคาร(4)ว่า ฟาราจได้ออกมาประกาศลาออกผ่านทางรายการวิทยุ LBC โดยเขาชี้ว่า
“มันจบแล้ว”
ฟาราจที่มีวาจาจัดจ้านและการแสดงออกไม่ต่างจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นเพื่อน ได้วิพากษ์วิจารณ์พรรค UKIP ของตัวเองว่า มีความสนใจแต่การต่อต้านมุสลิมและหมกมุ่นแต่อยู่กับโรบินสันภายใต้การนำพรรคของ เจอราร์ด บาตเตน(Gerard Batten) ที่ได้ว่าจ้างนักเคลื่อนไหวขวาจัดให้เป็นที่ปรึกษาในเดือนที่ผ่านมา
ดิอิฟเวนนิงสแตนดาร์ดชี้ว่า ฟาราจเคยเป็นหัวหน้าพรรค UKIP มาแล้วถึง 3 ครั้ง ได้แถลงว่า “ตลอดช่วงไม่กี่เดือนล่าสุด ภายใต้ผู้นำคนนี้ ดูเหมือนเขาจะหมกมุ่นอยู่กับศาสนาอิสลาม แต่พรรค UKIP ไม่ได้ก่อตั้งเพื่อจุดมุ่งหมายการต่อสู้ทางศาสนา”
และฟาราจได้กล่าวต่อ “เขายังหมกมุ่นกับบุคคลนี้ที่มีชื่อว่า ทอมมี โรบินสัน ซึ่งถือเป็นฮีโรสำหรับบางกลุ่มในการเป็นบุคคลที่ต่อสู้เพื่อชนชั้นแรงงาน แต่กลับมีประวัติอย่างน่าฉงน และได้นำกลุ่มผู้สนับสนุนของเขาเข้ามาที่ถูกมองว่าเป็นพวกทะเลาะวิวาทและความรุนแรง และมีหลายคนมีประวัติอาชญากรติดตัว ซึ่งมีบางส่วนถึงขั้นร้ายแรง”
ฟาราจที่ได้ก่อกบฎขึ้นภายในพรรคUKIPในเดือนที่ผ่านมาชี้ว่า “จะไม่มีอะไรดีขึ้นสำหรับพรรคUKIP แต่เป็นที่โชคร้ายที่พวกเราต้องดำเนินในหนทางการเคลื่อนไหวบนท้องถนน และทำเป็นมองไม่เห็นกับการเมืองสุดโต่ง”
ทั้งนี้ในวันอาทิตย์(2) พบว่ามีการจัดการเดินขบวนบนท้องถนนเกิดขึ้นบริเวณย่านใจกลางกรุงลอนดอนสำหรับการสนับสนุน BREXIT ซึ่งมีพรรคUKIP และโรบินสันเป็นแม่งาน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อตอกย้ำให้นายกรับมนตรีอังกฤษต้องเดินหน้ากระบวนการลาออกจากสหภาพยุโรป โดยทางกลุ่มผู้ประท้วงชี้ว่า “ต้องไม่มีการทรยศ” เกิดขึ้น
ในการออกมาตอบโต้การลาออกของฟาราจ บาตเตนหัวหน้าพรรค UKIP แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า “ผมได้ยินมาว่าไนเจล ฟาราจได้ลาออกจากพรรค UKIP” และเสริมต่อว่า “ไนเจลและผมเป็นสมาชิกก่อตั้งพรรค UKIP ในปี 1993 และผมได้ให้เครดิตเขาอย่างเต็มที่ในการทำงานให้พรรค ในการทำให้เกิดขึ้นและชัยชนะสำหรับการลงประชามติ BREXIT แต่ผมกลับรู้สึกว่า เขาลาออกจาก UKIP ในสปิริตหลังประชานิยม”