เอเอฟพี – สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงกล่าวในการให้สัมภาษณ์ที่ถูกตีพิมพ์เมื่อวานนี้(1 ธ.ค)ว่า การเป็นเกย์ถือเป็นแฟชั่นและเป็นปัญหาใหญ่ และพระในคริสตจักรสมควรที่ต้องลาออกไปหากเป็นเพศทางเลือกที่ 3
เอเอฟพีรายงานวันนี้(2 ธ.ค)ว่า ในการประทานสัมภาษณ์ของพระประมุขโฮลีซีที่ถูกเผยแพร่ในวันเสาร์(2)นั้น โป๊ปฟรานซิสทรงชี้ว่า การเป็นเกย์ถือเป็นแฟชั่น ที่ได้ระบาดเข้ามาในหมู่บาทหลวงของคริสตจักรโรมันคาทอลิก และเป็นภัยต่อความเป็นพระ
“ปัญหาการเป็นพวกรักร่วมเพศถือเป็นปัญหาร้ายแรงมาก ที่จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างเพียงพอตั้งแต่เริ่มต้นจากเหล่าผู้สมัคร” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงตรัสโดยโยงไปถึงผู้ต้องการที่จะบวชเข้ามาเป็นบาทหลวงใหม่ในคริสตจักรโรมันคาทอลิก
และพระองค์ยังทรงตรัสต่อในการประทานสัมภาษณ์กับหนังสือความเข้มแข็งแห่งอาชีพ(The Strength of a Vocation)ที่จะมีการตีพิมพ์ใน 10 ภาษาทั่วโลกว่า “ในสังคมของเราดูเหมือนว่า พวกรักร่วมเพศเป็นแม้กระทั่งแฟชั่นไปแล้ว และในทางความคิดทางหนึ่งทางใด อาจกลายเป็นการส่งอิทธิพลต่อนักบวช”
โดยพระองค์ทรงยอมรับว่าพระองค์ทรงมีความกังวลเป็นอย่างมาก “นี่ถือเป็นสิ่งที่เรามีความวิตก เป็นเพราะบางทีในคราวเดียวปัญหานี้อาจไม่ได้รับความสนใจ”
เอเอฟพีชี้ว่า จากจุดยืนของวาติกัน การกระทำรักร่วมเพศนั้นถือเป็นบาปมหันต์ และจุดยืนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสต่อกลุ่มเพศทางเลือกที่ 3 นั้นไม่ถือเป็นเรื่องใหม่ ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมาพบว่า ทางศาสนจักรโรมันคาทอลิกกำหนดให้บุคคลที่มีแนวโน้มที่จะเข้าข่ายอยู่ในกลุ่มเพศทางเลือกที่ 3 ไม่สามารถเข้ารับการบวชในคริสตจักรได้
ซึ่งโป๊ปฟรานซิสได้ทรงชี้ว่า ในชีวิตของความเป็นนักบวชที่ศักดิสิทธิ์นั้นไม่มีที่ว่างสำหรับความรักประเภทนี้ ดังนั้นทางศาสนจักรได้ให้คำแนะนำไม่ให้บุคคลที่มีโน้มเอียงสามารถร่วมคณะนักบวชและชีวิตความเป็นบาทหลวงได้
โดยโป๊ปฟรานซิสทรงตรัสย้ำว่า “คณะสงฆ์หรือชีวิตความเป็นพระนั้นไม่ใช่ที่ของเขา”
ซึ่งบาทหลวงเพศทางเลือกที่ 3 จะถูกขอให้รับผิดชอบตามมาตรฐานที่สูงในการเตือนต่อพฤติกรรมที่เลวร้ายที่เป็นที่รู้ดีว่ามักจะถูกเก็บเงียบในหมู่พระรักร่วมเพศที่ได้ละเมิดต่อการประกาศที่จะประพฤติพรหมจรรย์
“เราต้องขอให้นักบวชรักร่วมเพศ และชายหญิงของศาสนจักรต้องประพฤติพรหมจรรย์ด้วยความเที่ยงตรง และเหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาต้องมีความรับผิดชอบสูงด้วยการพยายามที่จะไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อทั้งชุมชนหรือส่วนบุคคลในความเป็นนักบวชซึ่งเป็นคนของพระเจ้า” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัส และทรงยืนยันว่า “ถือเป็นการดีที่สุดสำหรับคนเหล่านั้นที่จะลาออกจากคณะนักบวชหรือชีวิตความเป็นพระมากกว่าจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ใน 2 โลก”