รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – จีนกับสหรัฐฯเห็นพ้องกันที่จะระงับการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กันเป็นเวลา 90 วัน ขณะที่สองประเทศเปิดเจรจาทางการค้ารอบใหม่เพื่อให้ได้ข้อตกลงภายในระยะเวลาดังกล่าว ทำเนียบขาวแถลงในวันเสาร์ (1 ธ.ค.) ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนหารือกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงบนโต๊ะดินเนอร์ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
ทรัมป์ตกลงที่จะไม่ขึ้นพิกัดอัตราศุลกากรจากสินค้าเข้าของจีนมูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์ ไปเป็น 25% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ตามที่ได้ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน สี ก็ตกลงที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร, พลังงาน, อุตสาหกรรม, และอื่นๆ ในปริมาณ “ที่มีสาระสำคัญอย่างยิ่ง” คำแถลงของทำเนียบขาวบอก ทว่าไม่ได้มีการระบุจำนวนอย่างชัดเจน
จีนยัง “เปิดกว้างสำหรับการอนุมัติ (ข้อตกลง) ที่ไม่ได้รับการอนุมัติก่อนหน้านี้” ในเรื่องที่บริษัทควอลคอมม์ อิงค์ ของสหรัฐฯ จะเข้าซื้อบริษัท เอ็นเอ็กซ์พี เซมิคอนดักเตอร์ส ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในเนเธอร์แลนด์ “ถ้าหากมีการเสนอขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง”
ทั้งนี้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ควอลคอมม์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับใช้ในสมาร์ทโฟน รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ระงับดีลมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าเทคโอเวอร์ เอ็นเอ็กซ์พี เซมิคอนดักเตอร์ส หลังจากล้มเหลวไม่สามารถทำให้หน่วยงานกำกับตรวจสอบของจีนอนุมัติได้ ทำให้กลายเป็นเหยื่อที่ตกเป็นข่าวเอิกเกริกรายหนึ่งของข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
ทำเนียบขาวยังระบุว่า ตามข้อตกลงที่เห็นพ้องกันล่าสุดนี้ ฝ่ายจีนยังยินดีที่จะเริ่มซื้อผลิตภัณฑ์การเกษตรจากเกษตรกรสหรัฐฯในทันที
ทางด้านทรัมป์ ได้กล่าวอย่างยินดีปรีดากับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินประจำตำแหน่ง “แอร์ ฟอร์ซ วัน”
“มันเป็นดีลที่อัศจรรย์” ทรัมป์บอก “สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่คือการระงับขึ้นภาษีศุลกากรเอาไว้ก่อน ส่วนจีนจะเปิด (ตลาดให้) กว้าง จีนจะกำจัดภาษีศุลกากร”
เขากล่าวว่าตามข้อตกลงนี้ จีนจะซื้อ “ผลิตภัณฑ์การเกษตรและอื่นๆ เป็นปริมาณมหาศาล” จากสหรัฐฯ “มันจะส่งผลกระทบในทางบวกอย่างน่าอัศจรรย์ต่อการเกษตร (ของสหรัฐฯ)”
พวกบริษัทและผู้บริโภคอเมริกันนั้น กำลังกลายเป็นผู้ที่ต้องแบกรับส่วนหนึ่งของภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯเก็บจากจีน ด้วยการที่ต้องจ่ายแพงขึ้นสำหรับสินค้าแดนมังกร และบริษัทจำนวนมากก็ได้ปรับขึ้นราคาของสินค้านำเข้าต่างๆ
เวลาเดียวกัน เกษตรกรอเมริกันก็ได้รับความเดือดร้อน จากการที่จีนลดการนำเข้าถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์การเกษตรอื่นๆ
ทำเนียบขาวแถลงว่า ถ้าหากการเจรจากับจีนเพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหาทางการค้าต่างๆ ซึ่งครอบถึงถึงเรื่องการถ่ายโอนเทคโนโลยี, ทรัพย์สินทางปัญญา, กำแพงกีดกันการค้าซึ่งไม่ใช่ภาษีศุลกากร, การโจรกรรมทางไซเบอร์, และการเกษตร ไม่สามารถบรรลุผลภายในเวลา 90 วันแล้ว สินค้าเข้าจากจีนมูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งทรัมป์สั่งเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 10% ตั้งแต่เดือนกันยายน ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 25%
ทางฝ่ายจีนได้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรที่จัดเก็บจากสินค้าเข้าของสหรัฐฯเช่นเดียวกัน ขณะที่ทรัมป์นั้น นอกจากรายการสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์แล้ว ก่อนหน้านั้นในปีนี้ ยังได้ขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้าแดนมังกรมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ รวมทั้งตอนนี้ก็ยังข่มขู่อยู่เรื่อยๆ ว่าจะขึ้นภาษีเอากับสินค้าจีนรายการอื่นๆ อีก มูลค่า 267,000 ล้านด้วย
คำแถลงของทำเนียบขาวบอกว่า สีเห็นพ้องที่จะกำหนดให้ยา “เฟนทานิล” (fentanyl) เป็นสารควบคุม
คณะบริหารทรัมป์ได้แสดงความวิตกมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ในเรื่องสารสังเคราะห์โอปิออยด์ (opioid) ชนิดนี้ซึ่งถูกส่งจากจีนไปยังสหรัฐฯ ทั้งนี้เวลานี้อเมริกากำลังเผชิญปัญหาการระบาดหนักของสารโอปิออยด์ ซึ่งมีผลในทางเสพติดและอาจทำให้ผู้ใช้เสียชีวิตได้