เอเจนซีส์ – หลังการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์ เอช.ดับเบิลยู บุช ผู้พ่อในวัย 94 ปีที่บ้านพักในรัฐเทกซัสแวดล้อมไปด้วยคนใกล้ชิดรวมไปถึงอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯคู่หู เจมส์ เบเกอร์ (James Baker) แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยอดีตบุชผู้ลูกต่อสายถึงพ่อ สั่งลาประโยคสุดท้าย “พ่อ เป็นพ่อที่วิเศษ” บุชผู้พ่อตอบเป็นคำสุดท้ายก่อนสิ้นลม “พ่อรักลูกด้วยเช่นกัน” ด้านผู้นำทั่วโลกร่วมไว้อาลัยรวมไปถึงสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายกรัฐมนตรีแคนาดา นายกรัฐมนตรีเยอรมัน
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้(2 ธ.ค)ว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดที่รู้ถึงข้อมูลได้เปิดเผยกับสื่อสหรัฐฯว่า ในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของอดีตผู้นำสหรัฐฯที่นำอเมริกาเข้าสู่สงครามอ่าเปอร์เซียรอบแรก จอร์จ เอช.ดับเบิลยู บุช (George H.W. Bush) พบว่า เขาถูกถามว่าต้องการเดินทางไปโรงพยาบาลหรือไม่ แต่อดีตผู้นำสหรัฐฯตอบกลับมาว่า “ไม่”
แต่ทว่าบุชผู้พ่อกล่าวต่อว่า เขาพร้อมที่จะไปอยู่กับภรรยา บาบารา บุช อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ และบุตรสาว โรบิน (Robin) ที่เสียชีวิตตั้งแต่เด็กด้วยโรคลูคิเมีย
ทั้งนี้บุชผู้พ่อเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลมาแล้วหลายครั้งในปีนี้นับตั้งแต่อดีตสุภาพสตรีหลายเลข 1 บาบารา บุช (Barbara Bush)ได้จากไปเมื่อวันที่ 17 เม.ย ต้นปี และเป็นที่รู้ดีว่าอดีตผู้นำสหรัฐฯนั้นล้มป่วยหลายโรค รวมไปถึงโรคพาร์กินสัน
CNN รายงานว่า แหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลได้เปิดเผยถึงคำสนทนาสุดท้ายระหว่างบุชผู้พ่อและอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 43 จอร์จ ดับเบิลยู บุช (George W. Bush) ว่า มีการสนทนาผ่านทางสปีกเกอร์โฟนของโทรศัพท์
โดยบุชผู้ลูกได้กล่าวกับพ่อของตัวเองว่า “พ่อ เป็นพ่อที่วิเศษ” ทำให้บุชผู้พ่อตอบกลับมาเป็นคำสุดท้ายก่อนสิ้นลม “พ่อรักลูกด้วยเช่นกัน”
ทั้งนี้อดีตประธานาบุชผู้พ่อซึ่งเป็นผู้นำคนที่ 41 ของสหรัฐฯ ถึงแก่อสัญกรรมในวันศุกร์(30 พ.ย)ที่ผ่านมาที่บ้านพักของตัวเองในรัฐเทกซัส แวดล้อมไปด้วยบุคคลใกล้ชิด รวมไปถึงลูกชาย นีล บุช (Neil Bush) ลูกสะใภ้ มาเรีย(Maria) และเพื่อนรู้ใจ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เจมส์ เบเกอร์ (James Baker) และหลานชาย เพียร์ซ บุช (Pierce Bush)
“ถือเป็นเรื่องที่สะเทือนใจเป็นอย่างมาก” หลานชาย นีล กล่าวถึงการต้องเฝ้าดูการจากไปของบุช และเสริมต่อว่า “นี่เป็นการสิ้นสุดของชีวิตที่ช่างน่ามหัศจรรย์”
นีลกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ KPRC ช่วงคืนวันเสาร์(1)ว่า เขาจะไม่มีวันลืมว่าลูกของบุชทั้งหมด และหลานของเขาได้มีโอกาสแสดงความรักในชั่วโมงสุดท้ายของการจากไป
“พวกเขามี จิมมี เบเกอร์ และซูซาน เบเกอร์(Susan Baker)อยู่ที่นั่น สวดภาวนาอยู่ข้างตัวเขา และได้กล่าวแสดงความรักต่อบุช พร้อมกับสาธุคุณของเรา” นีล บุช กล่าวและเสริมต่อว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่สวยงาม...เขาอยู่ในอ้อมกอดแห่งความรักของครอบครัว มันช่วงเวลาที่ศักด์สิทธิ์ เป็นช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อ”
นีลชี้ว่า “ผมคิดว่าพวกเราได้รับพรจากพระเจ้าเป็นพิเศษในการที่พวกเราสามารถเป็นประจักษ์พยานในการผ่านช่วงเวลานี้”
CNN รายงานว่าร่างของอดีตผู้นำสหรัฐฯ จอร์จ เอช.ดับเบิลยู บุช ซึ่งเสียชีวิตในขณะที่มีอายุได้ 94 ปีจะถูกนำไปตั้งไว้ภายรัฐสภาคองเกรส หรือที่รู้จักใมนาม ยูเ.อส แคปิตอลฮิล (US Capitol) ก่อนที่จะมีพิธีไว้อาลัยซึ่งถูกกำหนดให้จัดขึ้นภายในมหาวิหารแห่งชาติวอชิงตัน (Washington National Cathedral) และพิธีไว้อาลัยที่ 2 จะถูกจัดที่บ้านเกิดเมืองฮูสตัน( Houston )รัฐเทกซัส
และหลังจากนั้นเขาจะถูกฝังไว้ร่วมกับภรรยา บาบารา และบุตรสาว โรบิน ที่ห้องสมุดประธานาธิบดี จอร์จ เอช.ดับเบิลยู บุข ในคอลเลจ สเตชัน(College Station) รัฐเทกซัส
จอร์จ เอช.ดับเบิลยู บุช เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 41 ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะที่นำสหรัฐฯเข้าสู่สงครามอ่าวเปอร์เซียรอบแรกภายใต้ปฎิบัติการ “พายุทะเลทราย” (Operation Desert Storm) ถือเป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่ทั่วโลกจดจำเขา
เอพีรายงานว่า บุชได้เคยให้สัภาษณ์ในเดือนมกราคมปี 2011 ครบรอบ 20 ปีของสงครามอ่าวเปอร์เซีย โดยอดีตผู้นำสหรัฐฯกล่าวว่า ปฎิบัติการนี้เป็นเสมือนการส่งสัญญาณออกไปว่า “สหรัฐฯพร้อมที่จะใช้กำลังข้ามโลก ไปแม้กระทั่งในพื้นที่ซึ่งคนในประเทศเหล่านั้นคิดว่า เราจะไม่เข้าไปแทรกแซง”
และเสริมว่า “ผมคิดว่าเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เป็นที่จดจำ” และเสริมต่อว่า “ผมคิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเสมอ”
แต่ทว่าชัยชนะในทางกำลังทหารยังไม่สามารถทำให้รัฐบาลอิรักถูกล้มลงไปได้เหมือนที่ใครหลายคนในคณะรัฐบาลสหรัฐฯของเขาต่างคาดหวัง
“ผมคำนวณผิดพลาด” บุชผู้พ่อกล่าวยอมรับ แต่ทว่าผู้นำอิรัก อดีตประธานาธิบดี ซัดดัม ฮุสเซน ถูกโค่นล้มลงได้ในที่สุดในปี 2003 ด้วยฝีมือของบุตรชาย บุชผู้ลูก ที่นำสหรัฐฯเข้าสู่สงครามอ่าวเปอร์เซียรอบ 2
และหลังจากอิรักบุกคูเวตในสิงหาคม 1990 บุชผู้พ่อได้สร้างพันธมิตรทางการทหารระหว่างประเทศ รวมไปถึงประเทศต่างๆในตะวันออกกลาง และหลังจากที่ปลดปล่อยคูเวตได้สำเร็จแล้ว อย่างไรก็ตามบุชได้ปฎิเสธอย่างหนักแน่น สหรัฐฯไม่ได้มีความต้องการที่จะบุกเข้ากรุงแบกแดด แต่เลือกที่จะยุติปฎิบัติการหลังเริ่มต้นส่งทหารเข้าพื้นที่เป็นเวลา 100 ชั่วโมง
“นั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของเรา” อดีตประธานาธิบดีบุชผู้พ่อชี้ และกล่าวต่อว่า “สิ่งที่ดีเกี่ยวกับมันคือมีการเสียชีวิตน้อยกว่าการประเมินในเบื้องต้น และในความเป็นจริงเราอาจมีความกลัว”
CNN รายงานว่าหลังข่าวการอสัญกรรมของอดีตผู้นำสหรัฐฯถูกเผยแพร่ออกไปออกไป ผู้นำทั่วโลกได้ร่วมไว้แสดงอาลัยรวมไปถึง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ซึ่งพระองค์ได้ทรงส่งสารที่มีใจความว่า
“มันเป็นช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกหลังจากข้าพเจ้าได้รับทราบข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จอร์จ เอช.ดับเบิลยู บุช เมื่อคืนนี้
ท่านประธานาธิบดีบุชเป็นทั้งสหายที่วิเศษและพันธมิตรของสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ท่านเป็นผู้ที่รักชาติ รับใช้ประเทศของท่านด้วยเกียรติและความโดดเด่นในระหว่างอยู่ในตำแหน่ง และในช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ 2
เจ้าชายฟิลิป(เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ) และข้าพเจ้ารำลึกถึงช่วงเวลาของเราในรัฐเทกซัสในปี 1991ด้วยความรัก ทั้งนี้ข้าพเจ้าขอส่งใจและการสวดภาวนาไปยังสมาชิกครอบครัวบุชและประชาชนชาวอเมริกันในโอกาสนี้”
ซึ่งนอกเหนือจากควีเอลิซาเบธที่ 2 แล้ว พบว่าผู้นำอื่นๆทั่วโลกเป็นต้นว่า นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เทเรซา เมย์ และนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสได้ส่งสารแสดงความเสียใจ และรวมไปถึงอดีตผู้นำสหภาพโซเวียต มิคาอิล กอร์บาชอฟ ซึ่งคนทั้งคู่ได้เคยร่วมลงนามในข้อตกลงการควบคุมอาวุธเคมีระหว่างสหรัฐฯและอดีตสหภาพโซเวียในวันที่ 1 มิ.ย 1990