เอเจนซีส์ - “ทรัมป์” แย้ม อาจยกเลิกประชุมซัมมิตกับ “ปูติน” ที่นัดหมายกันมานาน หลังจากเกิดการเผชิญหน้ากันทางทะเลระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยที่ผู้นำเคียฟได้ลงนามประกาศใช้กฎอัยการศึก พร้อมกับป่าวร้องว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามเต็มรูปแบบ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกา มีกำหนดพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ในการประชุมข้างเคียง ระหว่างที่ผู้นำทั้งสองเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มจี 20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ของอาร์เจนตินา ช่วงสุดสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ดี ประมุขทำเนียบขาวออกตัวเมื่อวันอังคาร (27 พ.ย.) ว่า ต้องรอดูรายงานจากทีมที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของตน ในเรื่องที่รัสเซียบุกยึดเรือรบยูเครนก่อน จึงจะตัดสินใจว่า จะเดินหน้าประชุมซัมมิตกับปูตินหรือไม่
ในวันพุธ (28) ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน ได้ลงนามประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่แนวชายแดนเป็นเวลา 30 วัน หลังจากรัฐสภาออกเสียงอนุมัติเมื่อวันจันทร์ (26) ตามการร้องขอของประธานาธิบดี
ก่อนหน้านั้นในวันอังคาร โปโรเชนโกได้ร้องโวยว่า การเผชิญหน้าอาจลุกลามบานปลาย และว่า ยูเครนกำลังถูกคุกคามจากสงครามเต็มรูปแบบของรัสเซีย
โปโรเชนโกเสริมว่า รัสเซียได้ส่งทั้งกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากไปเพิ่มบริเวณชายแดนติดกับยูเครน เช่น เพิ่มรถถังอีก 3 เท่า
ขณะที่รัสเซียไม่ได้ยืนยันเรื่องนี้ แต่สำนักข่าวอาร์ไอเอส โนวอสตี ของรัสเซียรายงานในวันพุธ (28) โดยอ้างการเปิดเผยของพันเอกวาดิม แอสตาฟิเยฟ จากจังหวัดทหารบกภาคใต้ของรัสเซียว่า รัสเซียจะติดตั้งประจำการเอส-400 ที่เป็นระบบป้องกันขีปนาวุธแบบจากพื้นดินสู่อากาศซึ่งใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพิ่มขึ้นอีกในคาบสมุทรไครเมีย ภายในปลายปีนี้ จากเดิมที่ติดตั้งไว้แล้ว 3 ชุด
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แหล่งข่าวในหน่วยข่าวกรองแดนหมีขาวเผยว่า เอส-400 ชุดที่ 4 จะติดตั้งใกล้เมืองดีฮานคอย ในไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกในปี 2014 และอยู่ใกล้ดินแดนในความควบคุมของยูเครน
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ในไครเมียยังเปิดเผยในวันเดียวกันว่า เห็นเรือกวาดทุ่นระเบิดของกองทัพเรือรัสเซีย มุ่งหน้าสู่ทะเลอะซอฟ ซึ่งเป็นบริเวณใกล้กับจุดที่เกิดความขัดแย้งล่าสุด จากกรณีที่รัสเซียบุกยึดเรือ 3 ลำของกองทัพเรือยูเครน พร้อมควบคุมตัวทหารเรือยูเครน 24 นายเมื่อวันอาทิตย์ (25)
ในวันอังคาร (27) ศาลของรัสเซียในซิมเฟอโรปัล เมืองเอกของแหลมไครเมีย ได้ออกคำสั่งควบคุมตัวทหารเรือยูเครนเหล่านี้ 15 นาย เป็นเวลา 2 เดือนระหว่างการพิจารณาคดี และคาดกันว่าในช่วงค่ำวันพุธ ศาลจะออกคำสั่งควบคุมตัวทหารเรือยูเครนอีก 9 คน ซึ่งจะมีทั้งนายทหารเรืออาวุโสและสมาชิกหน่วยข่าวกรองเอสบียู
ทหารเรือยูเครนเหล่านี้อาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี จากข้อหาความผิดฐานรุกล้ำพรมแดนรัสเซีย ทางช่องแคบเคิร์ช อย่างมีการไตร่ตรองไว้ก่อนเมื่อวันอาทิตย์ โดยที่ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าให้ฝ่ายรัสเซียทราบ อีกทั้งไม่ยอมหยุดเรือ เมื่อฝ่ายรัสเซียเข้าสกัด
ทางด้านเคียฟยืนกรานว่า ทหารของตนไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา และเรียกร้องให้รัสเซียปล่อยตัวทหารเหล่านั้น รวมถึงขอให้พันธมิตรตะวันตกเพิ่มมาตรการลงโทษคว่ำบาตรมอสโก
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า การกระทำของรัสเซียทำให้สถานการณ์อันตรายยิ่งขึ้น และว่า วอชิงตันอยากเห็นยุโรปลงมือทำมากขึ้นเพื่อช่วยยูเครน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเผชิญหน้าทางทะเลครั้งใหญ่หนแรก นับจากยูเครนขัดแย้งกับรัสเซียและกลุ่มกบฐแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียทางด้านตะวันออกของยูเครน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 10,000 คนนับจากปี 2014
วันอังคาร ปูตินกล่าวระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคลของเยอรมนีว่า กังวลมากที่ยูเครนประกาศกฎอัยการศึก พร้อมแสดงความหวังว่า เบอร์ลินจะโน้มน้าวให้เคียฟเลิกกระทำการอย่างสะเพร่าเช่นนี้
มอสโกกล่าวหาเคียฟวางแผนการเผชิญหน้าเมื่อวันอาทิตย์เพื่อยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งตามแผนเรียกคะแนนนิยมให้โปโรเชนโก เนื่องจากยูเครนกำลังจะมีการเลือกตั้งในต้นปีหน้า ขณะที่โพลชี้ว่าโปโรเชนโกได้รับความพึงพอใจจากประชาชนต่ำมากๆ นอกจากนั้นแล้ว ยูเครนยังมุ่งหมายจะโน้มน้าวให้ชาติตะวันตกเพิ่มมาตรการลงโทษรัสเซีย
สถานีทีวีรัสเซียยังแพร่ภาพทหารยูเครนบางนายที่ถูกจับกุมและถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียสอบสวนเมื่อวันอังคาร และมีทหารนายหนึ่งยอมรับว่า การกระทำของเรือติดอาวุธของยูเครนในช่องแคบเคิร์ชมีลักษณะยั่วยุ
พลเรือเอก อีกอร์ วอรอนเชนโก ผู้บัญชาการทหารเรือยูเครน โต้ว่า ทหารเรือนายนั้นถูกบังคับให้ต้องให้การเท็จเพื่อใช้เป็นหลักฐานเท็จ
รัฐบาลตะวันตกทั้งสหภาพยุโรป (อียู) อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ฯลฯ ต่างให้การสนับสนุนเคียฟในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ โดยกล่าวหามอสโกปิดกั้นการเข้าถึงทะเลอะซอฟอย่างผิดกฎหมาย ทั้งยังใช้กำลังทหารโดยปราศจากเหตุอันสมควร
รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรียซึ่งเป็นประธานอียูในวาระปัจจุบัน เผยว่า บรัสเซลส์จะประชุมในเดือนหน้าเพื่อพิจารณาเพิ่มมาตรการแซงก์ชันรัสเซียจากกรณีนี้
ขณะเดียวกัน แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องทั้งสองฝ่ายใช้ความอดกลั้นระดับสูงสุดในการดำเนินการเพื่อจำกัดและลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้น