รอยเตอร์ - เกาหลีใต้มีแผนซื้อขายระบบเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้าของอิสราเอล 2 ชุด จากการเปิดเผยในวันอังคาร(27พ.ย.) ความเคลื่อนไหวยกระดับการป้องกันตนเองทางอากาศจากเกาหลีเหนือ แม้ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
การตัดสินใจเลือกระบบเรดาร์ "กรีน ไพน์ บล็อค ซี" 2 ชุดที่สร้างโดยเอสตา ซิสเต็มส์ บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ อิสราเอล แอร์โรสเปซ อินดัสตรีส์ ครั้งนี้ มีขึ้นระหว่างการประชุมคณะคณะกรรมาธิการจัดซื้ออาวุธ ของสำนักงานบริหารโครงการจัดซื้อด้านกลาโหมของเกาหลีใต้ (DAPA) เมื่อวันอังคาร(27พ.ย.)
สำนักงานบริหารโครงการจัดซื้อด้านกลาโหมของเกาหลีใต้ไม่ได้เจาะจงมูลค่าของเรดาร์ แต่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกระทรวงกลาโหมเผยว่ามีราคาราวๆ 333,000 ล้านวอน(ประมาณ 9,600 ล้านบาท) พร้อมระบุระบบดังกล่าวจะเข้าประจำการในช่วงต้นทศวรรษ 2020
โครงการนี้มีเจตนาเสริมแสนยานุภาพของเกาหลีใต้ในการตรวจจับและติดตามขีปนาวุธจากระยะทางไกลๆในระยะต้นๆ" สำนักงานบริหารโครงการจัดซื้อด้านกลาโหมของเกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลงโดยไม่ได้พาดพิงเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เคยบอกว่าจะซื้อเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้าเพิ่มเติม หลังจากหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้น เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปและประกาศว่าได้กลายเป็นรัฐนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์แล้ว
ในทางเทคนิค เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังอยู่ในสถานะประเทศคู่สงคราม เพราะว่าความขัดแย้งของพวกเขาระหว่างปี 1950-53 ยุติลงด้วยข้อตกลงสงบศึก ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ
นานหลายปีแล้วที่เกาหลีเหนือขัดขืนมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ เสาะแสวงหาโครงการนิวเคลียร์และขีนาวุธ แต่สองชาติเคลื่อนไหวหล่อหลอมความสัมพันธ์ในปีนี้ และบรรลุข้อตกลงทางทหารอย่างครอบคลุม ณ ที่ประชุมซัมมิตระหว่างพวกเขาในกรุงเปียงยางเมื่อเดือนกันยายน โดยมีเป้าหมายปลดชนวนความตึงเครียดทางทหารตามแนวชายแดน
คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ให้สัญญาทำงานร่วมกันในการมุ่งหน้าสู่การปลดนิวเคลียร์ ระหว่างการประชุมซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์ในสิงคโปร์ เมื่อเดือนมิถุนายน แต่ข้อตกลงดังกล่าวยังขาดรายละเอียดและนับตั้งแต่นั้นการเจรจามีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย