รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - รัสเซียขัดขวางไม่ให้เรือของกองทัพเรือยูเครน 3 ลำแล่นเข้าสู่ทะเลอาซอฟ โดยผ่านทางช่องแคบเคอร์ช เมื่อวันอาทิตย์ (25 พ.ย.) ด้วยวิธีเอาเรือสินค้าขนาดยักษ์ลำหนึ่งมาจอดขวางอยู่ข้างใต้สะพานซึ่งรัสเซียเป็นผู้ควบคุมอยู่ ทั้งนี้ภายหลังจากฝ่ายเคียฟระบุว่าเรือของมอสโกลำหนึ่งได้แล่นชนเรือของตนจนได้รับความเสียหายด้วย ขณะเดียวกัน พวกเจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศต่างกำลังกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่าแสดงพฤติการณ์ก้าวร้าวยั่วยุ
ตามสนธิสัญญาทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายลงนามกันไว้ อนุญาตให้รัสเซียและยูเครนต่างมีสิทธิใช้ทะเลอาซอฟ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างประเทศทั้งสอง โดยที่ทะเลแห่งนี้สามารถทะลุออกทะเลดำได้ โดยผ่านช่องแคบเคอร์ช ซึ่งมีความแคบมาก แต่ความตึงเครียดรอบๆ ทะเลอาซอฟได้เพิ่มพูนขยายตัวขึ้นเป็นอันมาก นับตั้งแต่ที่รัสเซียเข้าผนวกแหลมไครเมียซึ่งอยู่ใกล้ๆ ช่องแคบ โดยชิงเอาจากยูเครนมาเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของแดนหมีขาวในปี 2014
มอสโกสามารถที่จะควบคุมการเข้าออกระหว่างทะเลอาซอฟและทะเลดำได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้นไปอีก ภายหลังจากได้ก่อสร้างสะพานคร่อมช่องแคบเคอร์ช เพื่อเชื่อมระหว่างแหลมไครเมียกับภาคใต้ของรัสเซีย
ประจักษ์พยานผู้หนึ่งของสำนักข่าวรอยเตอร์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (25) ว่า มีเรือสินค้าขนาดยักษ์ลำหนึ่งถูกนำมาใช้ปิดกั้นช่องทางน้ำข้างใต้สะพานแห่งนี้ นอกจากนั้นยังมีเครื่องบินขับไล่แบบ ซูคอย ซุ-25 ของรัสเซียจำนวน 2 ลำ บินอยู่บนท้องฟ้าเหนือสะพานด้วย ทางด้านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของรัสเซียรายงานว่า เฮลิคอปเตอร์สู้รบของรัสเซียหลายลำก็ถูกส่งเข้าไปในพื้นที่ตรงนี้
ความตึงเครียดปรากฏขึ้นในวันอาทิตย์ (27) ภายหลังจากรัสเซียพยายามเข้าสกัดกั้นเรือของกองทัพเรือยูเครนจำนวน 3 ลำ โดยที่ 2 ลำเป็นเรือหุ้มเกราะติดปืนใหญ่ลำเล็กๆ ส่วนอีกลำหนึ่งเป็นเรือลากจูง-- ที่กำลังแล่นอยู่ในทะเลดำ มุ่งหน้าจะผ่านช่องแคบเคิร์ช เพื่อเข้าสู่ทะเลอาซอฟ ขณะที่ฝ่ายหมีขาวกล่าวหาว่าเรือยูเครนเหล่านี้กำลังแล่นเข้าสู่น่านน้ำอาณาเขตของรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย
ทางด้านกองทัพเรือยูเครนแถลงว่า เรือ “ดอน” ของกองกำลังรักษาชายแดนของรัสเซียลำหนึ่ง ได้แล่นกระแทกเรือลากจูงของฝ่ายตน ทำให้ทั้งเครื่องยนต์ และด้านนอกของตัวเรือได้รับความเสียหาย เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่ารัสเซียกำลังประพฤติตนอย่างก้าวร้าวและกระทำการอย่างผิดกฎหมาย
คำแถลงบอกว่า เรือของตนมีสิทธิทุกประการที่จะอยู่ในบริเวณซึ่งแล่นอยู่นั้น ทั้งนี้เรือเหล่านี้เดินทางจากเมืองท่าโอเดสซา ในทะเลดำ เพื่อไปยังเมืองมารีอูปัล ในทะเลอาซอฟ
กองกำลังรักษาชายแดนของรัสเซียกล่าวหายูเครนว่า ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการเดินทางของเรือทั้ง 3 อันเป็นสิ่งที่ยูเครนปฏิเสธ นอกจากนั้นกองกำลังรัสเซียหน่วยนี้ยังระบุว่า เรือของยูเครนเคลื่อนที่ไปอย่างน่ากลัวอันตราย อีกทั้งเพิกเฉยไม่รับฟังคำแนะนำของตน ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะก่อกวนให้เกิดความตึงเครียดขึ้นมา
ทางด้านพวกนักการเมืองของรัสเซียก็พากันเรียงแถวออกมาประณามเคียฟ โดยกล่าวว่าเหตุการณ์นี้ดูเหมือนเป็นความพยายามอย่างคาดคำนวณเอาไว้ก่อนแล้วของประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน เพื่อที่จะเพิ่มคะแนนนิยมให้แก่ตนเองก่อนหน้าการเลือกตั้งของยูเครนในปีหน้า
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศยูเครนออกคำแถลงบอกว่า ต้องการให้ประชาคมระหว่างประเทศออกมาตอบโต้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อย่างชัดเจน
“พฤติการณ์ก้าวร้าวยั่วยุของรัสเซียในทะเลดำและในทะเลอาซอฟ เป็นการกระทำที่ข้ามเส้นและกลายเป็นความก้าวร้าวรุกรานแล้ว” คำแถลงนี้ระบุ “เรือของรัสเซียได้ละเมิดเสรีภาพในการเดินเรือทะเลของเรา และเป็นการใช้กำลังอย่างผิดกฎหมายต่อเรือของกองทัพเรือยูเครน”
ในอดีตทั้งสองประเทศต่างเคยกล่าวหาซึ่งกันและกันว่า กำลังก่อกวนการเดินเรือทะเลของอีกฝ่ายหนึ่งในเขตทะเลอาซอฟ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯแถลงเมื่อเดือนสิงหาคมว่า การกระทำของรัสเซียดูเหมือนกับมุ่งกระทำตามแผนเพื่อสั่นคลอนเสถียรภาพของยูเครน ซึ่งมีเมืองท่าอุตสาหกรรมแห่งสำคัญ 2 แห่งอยู่ในทะเลดังกล่าว