รอยเตอร์ - สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ออกมากล่าวหาจีนวานนี้ (20 พ.ย.) ว่ายังไม่ปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมการค้าที่ ‘ไม่เป็นธรรม’ โหมกระพือความตึงเครียดก่อนที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนจะพบปะกันในเวทีประชุมซัมมิต G20 ปลายเดือนนี้
ผลประเมินล่าสุดของ USTR ถูกระบุเอาไว้ในรายงานอัพเดตผลการสอบสวนนโยบายด้านทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายโอนเทคโนโลยีของจีนตามมาตรา 301 ของกฎหมายการค้าสหรัฐฯ ปี 1974 ซึ่งได้นำมาสู่คำสั่งรีดภาษีศุลกากรสินค้าจีนล็อตแรก 50,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะขยายพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น 250,000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
“รายงานอัพเดตฉบับนี้เป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะติดตามและบังคับใช้กฎหมายการค้า” โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระบุ “รายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า จีนยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขในเรื่องพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม ไม่สมเหตุสมผล และบิดเบือนตลาด ซึ่งถูกระบุไว้ในผลการสอบสวนตามมาตรา 301 ฉบับก่อนหน้าเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา”
USTR พบว่า จีนไม่ได้ตอบสนอง ‘อย่างสร้างสรรค์’ ต่อผลการสอบสวนตามมาตรา 301 ไม่ดำเนินการแก้ไขข้อกังวลของสหรัฐฯ อย่างเป็นรูปธรรม และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายตามที่สหรัฐฯ เรียกร้อง
USTR ชี้ว่า จีนยังคงมีนโยบายส่งเสริมการจารกรรมทางไซเบอร์เพื่อขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ และวางกฎระเบียบด้านการถ่ายโอนเทคโนโลยีแบบเลือกปฏิบัติ
แม้จีนจะผ่อนคลายข้อจำกัดในการถือครองทรัพย์สินของต่างชาติลงบ้าง “แต่รัฐบาลยังคงใช้มาตรการกีดกันการลงทุนเพื่อบังคับหรือกดดันให้บริษัทสหรัฐฯ ถ่ายโอนเทคโนโลยีให้แก่องค์กรของจีน” USTR ระบุ
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์จีนยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นตอบโต้
รายงานของ USTR ถูกเผยแพร่ในขณะที่รัฐบาล ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนกำลังหาวิธียุติสงครามการค้า และเตรียมรายละเอียดสำหรับการหารือนอกรอบ ทรัมป์- สี ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างการประชุมซัมมิต G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสปลายเดือนนี้
ความขัดแย้งร้าวลึกในประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนส่งผลให้เวทีประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่ปาปัวนิวกินีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมได้เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี
นักการทูตระดับสูงของจีนระบุวานนี้ (20) ว่า สาเหตุที่เอเปกไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมได้เป็นเพราะบางประเทศพยายามหาข้ออ้างปกป้อง 'ลัทธิกีดกันการค้า’ ซึ่งก็หมายถึงมาตรการรีดภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ นั่นเอง
รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ เอ่ยเตือนเมื่อวันเสาร์ (17) ว่า อเมริกาจะไม่ยอมผ่อนปรนในศึกการค้าครั้งนี้ และอาจรีดภาษีสินค้าจีนเพิ่มขึ้นไปอีก หากปักกิ่งยังไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง