รอยเตอร์ - คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งมาเลเซีย (MACC) สั่งรื้อคดีทุจริตจัดซื้อเรือดำน้ำซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อน พร้อมเรียกตัวอดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก เข้าให้ปากคำ กลายเป็นคดีฉ้อโกงล่าสุดที่ทางการเสือเหลืองไล่บี้เอาผิดกับอดีตผู้นำฉาว
หลังจากพ่ายศึกเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน พ.ค. นาจิบ ก็ตกเป็นจำเลยในคดีทุจริตและโดนข้อหาหนักหลายกระทง ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวพันกับการยักยอกเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB)
อดีตผู้นำรายนี้ยังยืนกรานปฏิเสธทุกข้อหา
ล่าสุด พนักงานสอบสวน MACC มุ่งความสนใจไปที่เรื่องการรับสินบนในโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำรุ่นสกอร์ปีเน 2 ลำจากบริษัท ดีซีเอ็น อินเทอร์เนชันแนล (DCNI) ของฝรั่งเศสเมื่อปี 2002 ซึ่งขณะนั้น นาจิบ ยังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกลาโหม
แหล่งข่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ว่า นาจิบ ถูกเรียกตัวเข้าให้ปากคำเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำเมื่อวานนี้ (19) และพนักงานสอบสวนยังเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆ มาสัมภาษณ์ รวมถึง อับดุลราซัก บากินดา (Abdul Razak Baginda) อดีตผู้ช่วยของ นาจิบ ซึ่งกำลังถูกอัยการฝ่ายคดีการเงินของฝรั่งเศสสอบสวนอยู่เช่นกัน
สำหรับ DCNI นั้นต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น DCNS ก่อนจะรีแบรนด์ตัวเองเป็นบริษัท นาวาล กรุ๊ป (Naval Group) เมื่อปีที่แล้ว โดยมี ทาเลส (Thales) เข้าถือหุ้นราว 1 ใน 3
ทางการฝรั่งเศสเริ่มตรวจสอบข้อตกลงซื้อขายเรือดำน้ำครั้งนี้ หลังองค์กรสิทธิมนุษยชนซัวรัม (Suaram) ในมาเลเซียเปิดโปงว่ามีการจ่ายค่าคอมมิชชัน 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่บริษัทแห่งหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับ นาจิบ
เดือน ส.ค. ปีที่แล้ว อัยการฝรั่งเศสได้เริ่มสอบสวนอดีตผู้บริหาร 2 คนของ ทาเลส และ DCNS โดยมีส่วนเกี่ยวโยงกับคดีจ่ายสินบนเรือดำน้ำเมื่อปี 2002
ผลการสอบสวนในมาเลเซียช่วงแรกๆ ไม่พบหลักฐานทุจริตเชื่อมโยงไปถึงตัว นาจิบ แต่คดีนี้ยังพัวพันไปถึงการสังหารโหด ‘อัลตันตุยา ซารีบู’ หญิงชาวมองโกเลีย ซึ่งว่ากันว่าเธอถูกฆ่าปิดปากเพราะไปรับรู้เรื่องการจ่ายสินบน
ผู้ช่วยของอดีตนายกฯ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ ขณะที่ตัว นาจิบ และผู้สนับสนุนก็ไม่ยอมรับว่ามีการทำผิดใดๆ เกิดขึ้นในโครงการจัดซื้อดังกล่าว
สำหรับคดีทุจริต 1MDB นั้นเป็นต้นเหตุที่นำความพ่ายแพ้มาสู่ นาจิบ และกลุ่ม บาริซาน เนชันแนล (บีเอ็น) ซึ่งผูกขาดอำนาจบริหารมาเลเซียมานานกว่า 60 ปี
คดีฟอกเงิน 1MDB กำลังถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในอย่างน้อย 6 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา, สวิตเซอร์แลนด์ และสิงคโปร์ โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่ามีเงินทุนราว 4,500 ล้านดอลลาร์ถูกยักย้ายถ่ายโอนออกไปจาก 1MDB ผ่านโครงข่ายธุรกรรมอันซับซ้อน และเงินเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัวของนาจิบ ส่วนพวกบุคคลใกล้ชิดอดีตนายกฯ ก็นำเงินเหล่านั้นไปแปลงเป็นทรัพย์สินในต่างประเทศ เช่น อสังหาริมทรัพย์ งานศิลปะ และเครื่องเพชร