‘ทรัมป์’ แย้มอาจไม่สั่งรีดภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมอีก

รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (16 พ.ย.) ว่าอาจจะไม่รีดภาษีสินค้านำเข้าจีนเพิ่มเติมอีก หลังได้รับเอกสารชี้แจงถึงมาตรการต่างๆ ที่ปักกิ่งเตรียมจะทำเพื่อระงับข้อพิพาทการค้า แต่ถึงกระนั้นก็ยอมรับว่ายังมีปัญหาหลักๆ บางประการที่จีนไม่ได้กล่าวถึง

ทรัมป์ ได้ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ารวม 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกดดันให้ปักกิ่งปรับปรุงเงื่อนไขการค้าระหว่างทั้ง 2 ชาติ ขณะที่ฝ่ายจีนก็ตอบโต้ด้วยการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากอเมริกาเช่นกัน

สหรัฐฯ ต้องการให้จีนเปิดตลาดและยกระดับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาให้แก่บริษัทอเมริกัน เลิกอุดหนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ และทำให้ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต่อจีนที่สูงถึง 375,000 ล้านดอลลาร์ลดลงมา

ความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจตึงเครียดหนักในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ โดยรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ เอ่ยเตือนเมื่อวันอังคาร (13 พ.ย.) ว่า จีนจำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมหากไม่อยากให้เกิด ‘สงครามเย็น’ ครั้งใหม่กับอเมริกา

ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปีหน้า อัตราภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้าจีน 200,000 ล้านดอลลาร์จะเพิ่มจาก 10% เป็น 25% และ ทรัมป์ ยังเคยขู่ว่าจะรีดภาษีจากสินค้าจีนเพิ่มอีก 267,000 ล้านดอลลาร์ หากปักกิ่งไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง

“เราอาจไม่ต้องทำเช่นนั้น” ทรัมป์ แถลงต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาว พร้อมระบุว่าจีนนั้น “ต้องการทำข้อตกลง”

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ เตือนว่ายังมีปัญหาสำคัญอีก 4-5 อย่างที่ไม่ถูกรวมอยู่ในหัวข้อเจรจา 142 ประเด็นจีนส่งถึงสหรัฐฯ

“พวกเขาส่งเอกสารแจ้งสิ่งที่พวกเขาเต็มใจจะทำ ซึ่งเป็นลิสต์ที่ใหญ่มาก แต่มันก็ยังไม่น่าพอใจเท่าไหร่สำหรับผม” ทรัมป์ กล่าว โดยไม่ได้ระบุชัดเจนว่าสิ่งที่จีนไม่เอ่ยถึงนั้นคืออะไรบ้าง

อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ มั่นใจว่าประเด็นที่หายไปจะถูกรวมเอาไว้ในข้อตกลงซึ่งจะมีขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ คาดว่า ทรัมป์ จะมีการหารือนอกรอบกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนระหว่างการประชุมซัมมิต G20 ที่อาร์เจนตินาในช่วงปลายเดือนนี้

สหรัฐฯ ขู่จะไม่เจรจาจนกว่าจีนจะตอบสนองข้อเรียกร้องอย่างเป็นรูปธรรม แต่หลังจากที่ ทรัมป์ และ สี ได้หารือทางโทรศัพท์ ผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้เริ่มพูดคุยกันแบบไม่เป็นทางการตั้งแต่ต้นเดือนนี้

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยกับรอยเตอร์ว่า คำตอบที่รัฐบาลปักกิ่งส่งให้วอชิงตันเมื่อวันจันทร์ (12) ที่ผ่านมามีเนื้อหารวมทั้งหมด 142 หัวข้อ แบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลักๆ ได้แก่ 1) สิ่งที่จีนเต็มใจเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการต่อ 2) สิ่งที่จีนได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว และ 3) สิ่งที่จีนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้

ทีมเศรษฐกิจของ ทรัมป์ เองก็มีมุมมองแตกต่างกันไปในเรื่องปัญหาการค้าจีน ตัวอย่างเช่น ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของทำเนียบขาว ซึ่งเห็นว่า ทรัมป์ ควรใช้มาตรการแข็งกร้าวบีบคั้นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจีนจะปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างถึงรากถึงโคน ในขณะที่ แลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ เรียกร้องให้ทำข้อตกลงเพื่อลดผลกระทบต่อการค้าระหว่าง 2 มหาอำนาจ