(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Pence: expect ‘cold war’ if China doesn’t concede on trade, security
By Asia Times staff
15/11/2018
มีรายงานว่ารองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ กล่าวย้ำจุดยืนอันแข็งกร้าว โดยข่มขู่ว่าหากจีนไม่ยินยอมอ่อนข้อทั้งในเรื่องการค้าและอื่นๆ แล้ว ก็จะต้องเข้าสู่ “สงครามเย็น ทั้งนี้เขาแสดงท่าทีเช่นนี้ ก่อนหน้าการเจรจาซัมมิตระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กับ สี จิ้นผิง ตอนสิ้นเดือนนี้ที่อาร์เจนตินา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังปล่อยประตูเปิดกว้างเอาไว้สำหรับการทำข้อตกลงการค้ากับจีน มีรายงานว่ารองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ กล่าวเช่นนี้ในสัปดาห์นี้ โดยเขาสำทับต่อไปด้วยว่า แต่มีเงื่อนไขว่าปักกิ่งจะต้องยอมกระทำตามบัญชีข้อเรียกร้องอันยาวเหยียดของวอชิงตัน รวมทั้งประตูนี้จะไม่เปิดทิ้งเอาไว้อย่างนี้เนิ่นนานนัก
ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะเรื่องการค้า โจช รอจิน (Josh Rogin) เขียนเอาไว้เช่นนี้ในวอชิงตันโพสต์ เมื่อวันอังคาร (13 พ.ย.) (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.washingtonpost.com/news/josh-rogin/wp/2018/11/13/pence-its-up-to-china-to-avoid-a-cold-war/)
การทำข้อตกลงจะเป็นไปได้ “ก็ต่อเมื่อปักกิ่งมีความยินดีที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารตามที่สหรัฐฯกำลังเรียกร้อง ทั้งในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ, การทหาร, และการเมืองของพวกเขา” รอจิน ถ่ายทอดคำพูดของเพนซ์ โดยที่รองประธานาธิบดีอเมริกันอ้างอิงถึงกิจกรรมของจีนในทะเลจีนใต้ ตลอดจน “การที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าก้าวก่ายแทรกแซงในการเมืองของพวกประเทศตะวันตก”
เพนซ์ “บอกว่า นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของจีน (ถ้าหากไม่ใช่โอกาสสุดท้ายของจีนแล้ว) ที่จะหลีกเลี่ยงจากฉากทัศน์แห่งสงครามเย็นกับสหรัฐฯ ... ถ้าปักกิ่งไม่ได้สนองกลับมาด้วยการอ่อนข้อยินยอมที่สำคัญและเป็นรูปธรรมแล้ว สหรัฐฯก็เตรียมตัวที่จะเพิ่มระดับแรงบีบคั้นกดดันต่อจีนทั้งทางเศรษฐกิจ, การทูต, และการเมือง” รอจิน เขียนเอาไว้เช่นนี้
“เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการบานปลายขยายตัวดังกล่าวได้ ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีความทนทานน้อยกว่า”
ความเห็นต่างๆ ที่ถูกบรรยายออกมาเหล่านี้ โดยสาระสำคัญแล้วก็เป็นการเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งถึงสิ่งที่เพนซ์ได้พูดไว้ขณะไปกล่าวคำปราศรัยต่อ “สถาบันฮัดสัน” (Hudson Institute) องค์การคลังสมองแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตันเมื่อเดือนที่แล้ว โดยที่ในคำปราศรัยดังกล่าวเขาได้แจกแจงพูดถึงรายละเอียดของนโยบายใหม่ต่อจีนอันแข็งกร้าวเพิ่มมากขึ้นอีก ด้วยการเสาะแสวงหาทางเผชิญหน้ากับปักกิ่งในทุกๆ แนวรบ
ทรัมป์นั้นมีกำหนดที่จะพบปะเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ระหว่างที่ทั้งคู่ไปร่วมการประชุมซัมมิตของกลุ่ม จี20 ในตอนสิ้นเดือนนี้ ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา และก็ได้แสดงความคิดเห็นมาแล้วหลายครั้งซึ่งบ่งชี้ว่าทั้งสองฝ่ายกำลังมีการเจรจาทำข้อตกลงกันอยู่ รายงานข่าวหลายกระแสที่ออกมาในสัปดาห์นี้บ่งชี้ว่า รองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ ซึ่งเป็นผู้นำการเจรจาด้านการค้าของฝ่ายจีน อาจจะเดินทางไปกรุงวอชิงตันก่อนหน้านั้นซัมมิต จี20
เมื่อพิจารณาจากการที่ หลิว ยกเลิกเที่ยวเดินทางไปวอชิงตันในเดือนกันยายน ตอนที่ดูเหมือนกับว่าสหรัฐฯไม่ได้พร้อมที่จะเจรจาด้วย การที่ที่ปรึกษาระดับท็อปทางเศรษฐกิจของ สี ผู้นี้ ตัดสินใจจะมาสหรัฐฯในครั้งนี้ จึงน่าจะเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนถึงความมั่นอกมั่นใจที่ว่า เวลานี้ทรัมป์มีความพร้อมที่จะพิจารณาการทำความตกลงกันในบางรูปแบบ
มองจากบริบทของความเคลื่อนไหวอันมุ่งไปสู่การทำดีล ความเห็นต่างๆ ของเพนซ์ในครั้งนี้ จึงน่าจะถูกมองว่าเป็นยุทธวิธีการเจรจาต่อรองแบบคลาสสิกของทรัมป์ ซึ่งมุ่งบีบคั้นปักกิ่งให้ต้องยื่นข้อเสนอแบบอ่อนข้อยิ่งขึ้นออกมา ในเวลาที่ สี นั่งลงเจรจากับเขา ณ การเจรจาข้างเคียงของการประชุมซัมมิต จี-20 อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเรื่องไม่ได้เป็นเช่นนี้แล้ว มันก็แทบไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะมีดีลใดๆ ออกมาจากการหารือที่บัวโนสไอเรส