เอเจนซีส์ – ในการแถลงชั้นไต่สวนเมื่อวานนี้(14 พ.ย) ทีมกฎหมายเจ้าพ่อยาแก๊งยาเสพติดชื่อดังของเม็กซิโก วาควีน เอล ชาโป กุซมาน(Joaquin "El Chapo" Guzman) ออกมาเปิดเผยกลางศาลเมืองบรุ๊คลิน รัฐนิวยอร์ก ระบุว่ามีประธานาธิบดีเม็กซิโกหลายคนแอบรับสินบนจากแก๊งซินาลัว (Sinaloa Cartel)
หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนต์ สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(15 พ.ย)ว่า พยานปากแรกจากฝั่งอัยการสหรัฐฯขึ้นให้การต่อศาลในเมืองบรุ๊คลิน รัฐนิวยอร์ก ในวันพุธ(14) เล่าถึงการพบกันครั้งแรกระหว่างพยานซึ่งเป็นอดีตสมาชิกแก๊งยาเสพติดซินาลัวและเจ้าพ่อยาเสพติดผู้นำแก๊ง วาควีน เอล ชาโป กุซมาน(Joaquin "El Chapo" Guzman) ในขณะที่ชายผู้นี้ได้ช่วยให้เอล ชาโปสามารถหนีการติดตามไล่ล่า
ซึ่งการแถลงเปิดของทีมฝ่ายจำเลยได้ระบุถึง เฆซุส ซามบาดา ( Jesus Zambada) อดีตลูกแก๊งที่ผันตัวเป็นพยานปากแรกให้กับทีมอัยการสหรัฐฯว่า “เป็นแค่อาชญากรที่ยอมมาปรากฎตัวเพื่อต้องการลดโทษให้ตัวเอง”
สื่ออังกฤษชี้ว่า แต่ทว่าก่อนการขึ้นให้การ ทางผู้พิพากษาศาลแขวงรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ไบอัน โคแกน (Brian Cogan) ได้ออกมากล่าวเตือนทนายความของเอล ชาโป เจฟฟรีย์ ลิคต์แมน (Jeffrey Lichtman) จากการใช้การแถลงเปิดในวันอังคาร(13)ออกมาอ้างโดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์ที่ว่า
พี่ชายของพยานฝ่ายอัยการสหรัฐฯ ราชายาเสพติดอีกราย อิซมาเอล ซามบาดา ( Ismael Zambada) ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้ช่วยและหุ้นส่วนของเอล ชาโป ที่สามารถยังคงหลบหนีอย่างลอยนวลอยู่ได้ในเวลานี้ เป็นเพราะเขาได้ให้สินบนแก่ทั้งประธานาธิบดีเม็กซิโกคนปัจจุบัน และประธานาธิบดีเม็กซิโกในอดีต
โดยในปัจจุบันนี้ เชื่อว่า อิซมาเอล ซามบาดา เป็นผู้นำแก๊งซินาลัวคนปัจจุบัน
หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ รายงานว่า รักษาการประธานาธิบดีเม็กซิโกคนปัจจุบัน เอ็นริเก เปญา นิเอโต และอดีตผู้นำเม็กซิโกคนก่อนหน้า เฟลิเป กาลเดอรอน (Felipe Calderon) ออกมาปฎิเสธ พร้อมชี้ว่าการให้การของทีมกฎหมายเอล ชาโป เป็นเท็จ และทำให้เกิดความเสื่อมเสีย
ดิอินดีเพนเดนต์ชี้ว่า ทางผู้พิพากษาไม่รับการร้องขอจากอัยการสหรัฐฯที่ให้ศาลไม่ยอมรับการแถลงเปิดของฝ่ายจำเลย แต่ได้ออกคำเตือนว่า คำอ้างในการแถลงเปิดนั้นเป็นการกล่าวเกินจริงโดยที่ไม่มีหลักฐานประกอบ
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สชี้ว่า ทางทีมกฎหมายได้อ้างว่า อิซมาเอล ซามบาดา พี่ชายของ เฆซุส ซามบาดา เป็นเจ้าของแก๊งซินาลัวตัวจริง และเอล ชาโป ซึ่งเป็นลูกความถูกชายผู้นี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหุ้นส่วน ใส่ความในการสบคบคิดครั้งใหญ่ รวมไปถึงการติดสินบนเจ้าหน้าที่เม็กซิโก และเจ้าหน้าที่ยาเสพติดสหรัฐฯที่แตกแถว
ซึ่งในการให้การของซามบาดาผู้น้องพบว่า อิซมาเอล พี่ชายและเอล ชาโป ได้เคยลงทุนร่วมกันในการขนส่งโคเคนในราวปี 2000
โดยอดีตสมาชิกแก๊งซินาลัว เฆซุส ซามบาดา เมื่อปรากฎตัวต่อหน้าศาลได้ทำการชี้ตัวเอล ชาโป ก่อนแถลงต่อคณะลูกขุนว่า
“ชายผู้นี้เป็นหนึ่งในราชาลักลอบค้ายาเสพติดผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเม็กซิโก” พร้อมกับเปิดเผยต่อศาลถึงการทีแก๊งซินาลัวของเอล ชาโป สามารถสร้างความร่ำรวยขึ้นมาได้ด้วยการแอบลักลอบขนโคเคนหลายตันเข้าสู่สหรัฐฯ
ซามบาดาวัย 57 ปี นักบัญชีซึ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยถูกจับกุมในปี 2008 และในเวลานี้ยังคงอยู่ในการควบคุมตัวของสหรัฐฯ และถือเป็นหนึ่งในผู้ให้ความร่วมมือที่คาดว่าจะขึ้นให้การต่อหน้าคณะลูกขุนสหรัฐฯเกี่ยวกับแก๊งซินาลัว ถึงการค้ายาเสพติด เงิน และความรุนแรง
รอยเตอร์ชี้ว่า ชายผู้นี้พบกับเจ้าพ่อยาเสพติดแก๊งซินาลัวครั้งแรกในปี 1987 ได้แถลงต่อศาลว่า หน้าที่ของเขาร่วมไปถึง การรับโคเคนจำนวนหลายตันที่ถูกส่งมาจากโคลอมเบียโดยทางเรือสปีดโบ๊ทที่ถูกนำไปขึ้นบริเวณชายหาดในแคนคูน (Cancun) เม็กซิโก และรวมไปถึงดูแลโกดังเก็บโคเคนในกรุงเม็กซิโก ซิตี ก่อนที่โคเคนเหล่านี้จะถูกส่งเข้าสหรัฐฯต่อไป
อ้างอิงจากการให้การของซามบาดา พบว่าโคเคนถูกขนโดยรถบรรทุกขนน้ำมันซึ่งถูกกลบไว้ด้วยน้ำมันบางส่วนเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่สำหรับการข้ามแดนที่ส่วนมากจะผ่านบริเวณพรมแดนเมือง Ciudad Juárez และ Agua Prieta หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สชี้
ดิอินดีเพนเดนต์รายงานต่อว่า “เอล ชาโป” ถูกรัฐบาลสหรัฐฯตั้งข้อหา 14 กระทงของการกระทำผิดหลายสิบปี แต่เอล ชาโปไม่ยอมรับในความผิดเหล่านั้น ซึ่งสื่อสหรัฐฯชี้ว่า พบว่าเขาทำรายได้เกือบ 14 พันล้านดอลลาร์จากการกระทำผิดกฎหมายตลอดช่วงระยะเวลา 20 ปี
โดยซามบาดา พยานปากแรกระบุว่า สำหรับโคเคนหนัก 15 ตันมูลค่า 9 ล้านดอลลาร์นอกสหรัฐฯ และหากผ่านเข้าสหรัฐฯได้สำเร็จ ทางแก๊งซินาลัวจะสามารถทำเงินได้ถึง 39 ล้านดอลลาร์เมื่อถูกนำออกขายในเมืองลอสแอนเจลิส และจะทำเงินได้มากขึ้นหากส่งออกขายในเมืองชิคาโก โดยได้ถึง 48 ล้านดอลลาร์ และหากล็อตเดียวกันนี้ถูกส่งไปยังเมืองนิวยอร์ก ซิตี ทางแก๊งจะสามารถทำกำไรได้สูงสุดถึง 78 ล้านดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบจากต้นทุน 9 ล้านดอลลาร์
ในการขึ้นศาลและต้องเผชิญหน้ากับอดีตลูกแก๊ง พบว่า เอล ชาโป นั่งฟังการขึ้นให้การของพยานด้วยอาการสงบใกล้กับทีมกฎหมายของเขา
