รอยเตอร์ – ทีมค้นหาพบซากศพผู้เสียชีวิตจากไฟป่ามหากาฬในแคลิฟอร์เนียเพิ่มเป็น 42 ศพ ซึ่งถือเป็นสถิติการสูญเสียครั้งเลวร้ายที่สุดจากไฟป่าในประวัติศาสตร์ของรัฐนี้ ล่าสุดทรัมป์อนุมัติงบประมาณช่วยเหลือฉุกเฉินแล้ว
ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดที่เพิ่มจาก 29 คนในช่วงสุดสัปดาห์ ได้รับการประกาศโดยคอรี โฮเนีย เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองเทศมณฑลบิวต์ ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (12 พ.ย.) หลังเจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 13 คนจากไฟป่าครั้งใหญ่ที่เรียกว่า "แคมป์ไฟร์" และมีแนวโน้มพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
แคมป์ไฟร์กลายเป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินมากที่สุดในประวัติศาสตร์แคลิฟอร์เนีย โดยเผาผลาญบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ไปแล้วกว่า 7,100 หลัง นับจากปะทุขึ้นบริเวณเชิงเขาเซียร์ราในเทศมณฑลบิวต์ ห่างจากทางเหนือของซานฟรานซิสโกประมาณ 280 กิโลเมตรเมื่อวันพฤหัสบดี (8 พ.ย.)
โฮเนียแถลงว่า ยังมีผู้ที่ได้รับการระบุอย่างเป็นทางการว่า สูญหายอีก 228 คน กระนั้น มีผู้เรียกร้องให้ติดตามค้นหาประชาชนกว่า 1,500 คนที่ขาดการติดต่อกับครอบครัว ซึ่งในจำนวนนี้พบว่า ปลอดภัยดี 231 คน
นอกจากทีมกู้ภัยที่นำโดยเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ 13 คน จะมีเจ้าหน้าที่ค้นหาและกู้ภัยอีก 150 คนเดินทางไปสมทบในวันอังคาร (13 พ.ย.)
คอร์เนียยังร้องขอทีมเก็บศพเคลื่อนที่จากกองทัพ ทีมเก็บศพในสถานการณ์ภัยพิบัติ และสุนัขที่ได้รับการฝึกเพื่อช่วยค้นหาศพ รวมทั้งเจ้าหน้าที่นิติมานุษยวิทยา 3 ทีม มาปฏิบัติภารกิจร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเกือบ 9,000 คนจากทั่วประเทศ ที่กำลังต่อสู้กับไฟป่ารุนแรงทั้งสองจุดคือ แคมป์ไฟร์และวูสลีย์ไฟร์ กับไฟป่าขนาดเล็กทางใต้ของรัฐ
ความเสียหายและการสูญเสียชีวิตจำนวนมากเกิดขึ้นในและรอบๆ เมืองพาราไดซ์ที่สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่กลายเป็นเถ้าถ่านตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดี หรือหลังจากไฟป่าเริ่มปะทุเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด 42 รายเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยสถิติเดิม 29 รายเป็นของไฟป่ากริฟฟิธปาร์กปี 1933 ที่ลอสแองเจลีส
เหยื่อบางส่วนจากแคมป์ไฟร์เสียชีวิตในซากรถที่ไหม้เกรียมขณะพยายามขับหนีไฟป่าเมื่อคืนวันพฤหัสบดี แต่ต้องมาเจอการจราจรติดขัดเนื่องจากผู้คนมากมายต่างพยายามหนีเอาชีวิตรอด
โจดี้ โจนส์ นายกเทศมนตรีเมืองพาราไดซ์ เล่าว่า ครอบครัวของเธอรอดมาได้หวุดหวิด โดยขณะที่ขับรถออกมามีไฟป่าล้อมอยู่ทุกด้านกระทั่งได้กลิ่นความร้อนพวยพุ่งเข้าไปในรถ
ข้อมูลจนถึงวันจันทร์ระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงจากแคมป์ไฟร์ได้แล้ว 30% จากบริเวณทั้งหมด 117,000 เอเคอร์
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยังพบผู้เสียชีวิตอีก 2 รายจากไฟป่าวูสลีย์ไฟร์ที่ทำลายสิ่งปลูกสร้าง 435 หลังในพื้นที่เกือบ 94,000 เอเคอร์ ทำให้ประชาชนราว 200,000 คนในหุบเขาและเชิงเขาใกล้ชายฝั่งมาลิบูทางใต้ของรัฐต้องอพยพ ล่าสุดสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว 30% เช่นเดียวกัน
ถึงกระนั้น หน่วยงานป่าไม้และการป้องกันไฟป่ารัฐแคลิฟอร์เนีย (แคลไฟร์) ระบุว่า สิ่งปลูกสร้างอีก 57,000 หลังยังมีความเสี่ยง เนื่องจากอยู่ในเส้นทางลุกลามของวูสลีย์ไฟร์
ขณะเดียวกัน หลังจากถูกวิจารณ์อย่างหนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการตำหนิรัฐบาลท้องถิ่นแคลิฟอร์เนียว่า บริหารป่าผิดพลาดมหันต์จนทำให้ไฟป่าลุกลามเกินควบคุม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อนุมัติคำขอของเจอร์รี บราวน์ ผู้ว่าการแคลิฟอร์เนีย ด้วยการประกาศให้รัฐนี้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติใหญ่เมื่อวันจันทร์ เพื่อจัดสรรเงินช่วยเหลือฉุกเฉินของรัฐบาลกลางให้แก่แคลิฟอร์เนีย
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แคลิฟอร์เนียเผชิญฤดูไฟป่าร้ายแรงที่สุด 2 ครั้งในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นผลจากความแห้งแล้งยาวนานเป็นส่วนใหญ่
เดือนตุลาคมปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิต 46 คนในไฟป่าที่เผาผลาญพื้นที่ผลิตไวน์ทางเหนือของรัฐ ทำลายบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ 8,900 หลัง โดยไฟป่าที่รุนแรงที่สุดชื่อว่า ทับส์ไฟร์ มีผู้เสียชีวิต 22 คน