เอเอฟพี - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิมในวันพฤหัสบดี (8 พ.ย.) เน้นย้ำเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง แต่ก็ชี้ว่าการลงทุนในภาคธุรกิจชะลอตัวลง
เฟดเน้นย้ำความคาดหมายว่าจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากเศรษฐกิจยังคงขยายตัว แต่ในถ้อยแถลงไม่ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยก้าวร้าวขึ้นหรือไม่เพื่อดักหน้าเงินเฟ้อ
ในข้อเท็จจริง บางทีมันอาจตีความได้ในฐานะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเฟดอาจเชื่อว่าความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจะร้อนแรงเกินไปนั้นได้ลดน้อยถอยลงแล้ว
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.0-2.25% ในบทสรุปของการประชุมทางนโยบาย 2 วัน และเน้นว่าตัวเลขเงินเฟ้อขยับเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย 2% ของทางธนาคารกลางแล้ว
พวกนักเศรษฐศาสตร์ลงความเห็นอย่างเป็นเอกฉันท์คาดหมายว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในรอบปีนี้ในเดือนธันวาคม แต่ข้อมูลเมื่อเร็วๆ นี้ที่โชว์ให้เห็นว่าในที่สุดค้าจ้างได้เริ่มเพิ่มขึ้นแล้ว ทำให้พวกเขาต้องหันไปจับตาสิ่งบ่งชี้ต่างๆ เพื่อหาเงื่อนงำเกี่ยวกับอัตราการปรับเพิ่มดอกเบี้ยในปี 2019 แทน
เฟดเน้นว่าเศรษฐกิจ “กำลังรุดหน้าในอัตราที่เข้มแข็ง” ด้วยตัวเลขการจ้างที่แข็งแกร่ง, ยอดคนว่างงานลดลงและการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่กำลังเติบโตอย่างแข็งแรง
อย่างไรก็ตาม ตลาดพินิจพิเคราะห์ถ้อยคำที่เปลี่ยนไปในถ้อยแถลงของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน หลังบอกว่า “การลงทุนในสินทรัพย์ประเภททุนที่มีอายุการใช้งานยาวนานอยู้ในระดับปานกลาง จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ใช้คำว่าเติบโตอย่างรวดเร็ว”
ถ้อยคำดังกล่าวสามารถมองได้ว่ามันอาจเป็นข้อบ่งชี้ว่าเฟดอาจระมัดระวังมากขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่า 3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งน้อยกว่าที่คาดหมายไว้
หรืออีกอย่างหนึ่งมันอาจตีความในฐานะผลลัพธ์ของเหตุเผชิญหน้าทางการค้ากับประเทศต่างๆของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้ เฟด อ้างว่ามันเป็นปัจจัยบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและแผนการลงทุนต่างๆ เรื่องจากต้นทุนทางภาษีเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ ทรัมป์ โจมตี เจอโรม เพาเวลล์ ประธานเฟดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยตำหนิว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ยก้าวร้าวเกินไป