สหรัฐฯ จ่อคว่ำบาตร ‘รัสเซีย’ เพิ่มเติมกรณีใช้สารพิษโนวิช็อกโจมตีสายลับในอังกฤษ

รอยเตอร์ - กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศจะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมกรณีอดีตสายลับหมีขาวและบุตรสาวถูกโจมตีด้วยสารพิษทำลายประสาทในอังกฤษ โดยให้เหตุผลว่ามอสโกยังไม่ได้แสดงออกให้เป็นที่เชื่อถือว่าจะไม่นำอาวุธเคมีมาใช้อีก

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุไว้เมื่อเดือน ส.ค. ว่าจะเพิ่มบทลงโทษต่อรัสเซียภายใน 90 วัน หากยังไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านอาวุธเคมีและชีวภาพ (Chemical and Biological Weapons and Warfare Elimination Act) ที่สหรัฐฯ เริ่มประกาศใช้เมื่อปี 1991

ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ รัสเซียจะต้องยุติการใช้สารพิษทำลายประสาทโนวิช็อก (Novichok) ซึ่งทำให้ เซียร์เก สกรีปัล และ ยูเลีย บุตรสาวล้มป่วยอาการปางตายเมื่อเดือน มี.ค. รวมถึงให้คำมั่นว่าจะไม่ใช้อาวุธเคมีทำร้ายพลเมืองตัวเอง และอนุญาตให้หน่วยงานต่างๆ เช่น องค์การสหประชาชาติ เข้าไปตรวจสอบได้

ฮีทเธอร์ เนาเอิร์ท โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (6 พ.ย.) ว่า “วันนี้ทางกระทรวงได้แจ้งไปยังสภาคองเกรสว่า เราไม่สามารถรับรองได้ว่าสหพันธรัฐรัสเซียปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วนหรือไม่”

“เราจึงเตรียมที่จะดำเนินการขั้นถัดไปตามที่กฎหมาย CBW กำหนด ซึ่งก็คือการคว่ำบาตรเพิ่มเติม”

สกรีปัล ซึ่งเป็นอดีตทหารยศนายพันในสังกัดศูนย์บัญชาการข่าวกรองหลักของกองทัพทหารรัสเซีย (GRU) ถูกพบหมดสติอยู่บนม้านั่งพร้อมกับบุตรสาว ยูเลีย วัย 33 ปี ที่เมืองซอลส์บรี (Salisbury) ทางตอนใต้ของอังกฤษเมื่อเดือน มี.ค. หลังจากมีใครบางคนนำสารโนวิช็อกในรูปของเหลวไปป้ายที่หน้าประตูบ้านของพวกเขา และโชคดีที่สองพ่อลูกรอดชีวิตมาได้

เหตุโจมตีดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ และชาติตะวันตกประกาศขับไล่ทูตรัสเซียกว่า 100 คน ซึ่งถือเป็นมาตรการตอบโต้รุนแรงที่สุดต่อรัสเซียนับตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียยังปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารอดีตสายลับ

สหรัฐฯ เริ่มใช้มาตรการคว่ำบาตรกรณีสองพ่อลูก สกรีปัล เมื่อเดือน ส.ค. โดยห้ามส่งออกสินค้าที่ใช้งานได้ 2 ทาง (dual use) รวมถึงสินค้าที่มีความอ่อนไหวด้านความมั่นคงไปยังรัสเซีย และกระทรวงการต่างประเทศยังได้เตือนในขณะนั้นว่า บทลงโทษรอบสองจะ “เจ็บแสบยิ่งกว่านี้”

ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของมาตรการคว่ำบาตรระลอกใหม่

เอ็ด รอยซ์ ประธานคณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระบุว่า ไม่แปลกใจที่รัสเซียยังคงเพิกเฉยต่อกฎหมายต่อต้านอาวุธเคมีของสหรัฐฯ และเห็นด้วยที่รัฐบาล ทรัมป์ จะเพิ่มบทลงโทษ

โฆษกทำเนียบเครมลินแถลงเมื่อวันอังคาร (6) ว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียและ ทรัมป์ จะได้พบปะกันชั่วครู่ที่กรุงปารีสในสัปดาห์หน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ก็ยืนยันว่ามีความเป็นไปได้