รอยเตอร์ - การกำหนดพื้นที่ห้ามบินและห้ามซ้อมรบทางทหารบริเวณแนวพรมแดนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เริ่มมีผลบังคับอย่างเป็นทางการในวันนี้ (1 พ.ย.) โดยเป็นส่วนหนึ่งในแผนลดการเผชิญหน้าและฟื้นฟูความสัมพันธ์สองเพื่อนบ้าน
มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงทางทหารที่สองเกาหลีร่วมลงนามในการประชุมซัมมิตที่เปียงยางเมื่อเดือนที่แล้ว โดยยังกำหนดให้ทั้ง 2 ฝ่ายยับยั้ง ‘การกระทำที่ไม่เป็นมิตรทุกรูปแบบ’ รวมถึงทำลายกับระเบิด และรื้อถอนด่านตรวจภายในเขตปลอดทหาร (DMZ)
สหรัฐฯ แสดงความเป็นห่วงว่าข้อตกลงเช่นนี้อาจบั่นทอนความพร้อมในการป้องกันประเทศ ในขณะที่การปลดอาวุธนิวเคลียร์โสมแดงยังไม่คืบหน้า แต่ก็เอ่ยชมความร่วมมือระหว่างโซลและเปียงยางในการประชุมด้านความมั่นคงของรัฐมนตรีกลาโหมซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวานนี้ (31 ต.ค.)
“เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือได้ร่วมกันขจัดอันตรายจากการเผชิญหน้าทางทหารให้หมดไปแล้วอย่างสิ้นเชิงด้วยข้อตกลงนี้” ประธานาธิบดี มุน แจอิน แห่งเกาหลีใต้แถลงต่อรัฐสภาวันนี้ (1)
“สองเกาหลีและสหรัฐฯ จะบรรลุซึ่งเป้าหมายในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ และสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนบนพื้นฐานของความเชื่อมั่น”
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือได้ปฏิบัติตามข้อตกลงด้วยการนำวัสดุมาคลุมปืนใหญ่ที่ติดตั้งเอาไว้บริเวณชายฝั่งทางตะวันตก
สองเกาหลีได้กำหนดเขตห้ามบินโดยวัดจากเส้นแบ่งเขตแดนทางทหาร (MDL) ทางฝั่งตะวันออกไปทางทิศเหนือและใต้ 40 กิโลเมตร และ 20 กิโลเมตรทางฝั่งตะวันตก โดยมีผลบังคับใช้กับอากาศยานปีกคงที่ (fixed-wing aircraft) ทุกประเภท
ข้อตกลงฉบับนี้ยังห้ามการซ้อมยิงกระสุนจริงที่ใช้อากาศยานปีกคงที่หรือระบบขีปนาวุธชนิดยิงจากพื้นดินสู่อากาศภายในเขตห้ามบิน ซึ่งที่ผ่านมาสหรัฐฯ และเกาหลีใต้จัดการซ้อมรบในลักษณะนี้อยู่เป็นประจำ จนกระทั่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งระงับไปเมื่อเดือน มิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายได้กำหนดข้อยกเว้นสำหรับเฮลิคอปเตอร์ โดรน และบอลลูน ซึ่งใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางค้าหรือกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับทหาร เช่น การแพทย์ การบรรเทาภัยพิบัติ และการเกษตร เป็นต้น
สหรัฐฯ นั้นไม่เห็นด้วยกับการกำหนดเขตห้ามบิน เพราะจะทำให้ไม่สามารถฝึกโจมตีสนับสนุนทางอากาศในระยะประชิด ซึ่งหมายถึงการใช้เครื่องบินโจมตีเพื่อช่วยเหลือกองกำลังภาคพื้นดินขณะจู่โจมเข้าใกล้ฝ่ายศัตรู
เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ได้ประกาศระงับการซ้อมรบทางอากาศภายใต้รหัส ‘วิจิเลนท์ เอซ’ (Vigilant Ace) ซึ่งมีกำหนดในเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อผลักดันการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือให้คืบหน้าไปได้
ผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือเคยรับปากในการประชุมซัมมิตกับ ทรัมป์ เมื่อเดือน มิ.ย. ว่าจะทำงานเพื่อมุ่งไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ แต่จนถึงขณะนี้สิ่งที่เปียงยางทำก็ยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังของสหรัฐฯ ซึ่งต้องการให้พวกเขาทำลายคลังแสงนิวเคลียร์ และปิดโรงงานพัฒนาอาวุธทั้งหมดอย่างตรวจสอบได้และไม่สามารถฟื้นฟูกลับไปได้อีก
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้อ้างข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองซึ่งระบุว่า เกาหลีเหนืออยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อให้นานาชาติส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์และศูนย์ทดสอบขีปนาวุธ
ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดพบปะหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนืออีกครั้งในสัปดาห์หน้า