(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Ex-US general says war with China ‘likely in 15 years’
By Asia Times staff
26/10/2018
อดีตนายพลผู้บัญชาการทหารอเมริกันในยุโรปคาดว่า เป็นไปได้อย่างมากที่สหรัฐฯจะระเบิดสงครามกับจีนภายในเวลา 15 ปี พร้อมกับเตือนชาติยุโรปให้เพิ่มการป้องกันตนเองเพื่อรับมือกับรัสเซีย ขณะที่วอชิงตันต้องมุ่งโฟกัสรับมือกับปักกิ่งในแปซิฟิก
น่าจะ “เป็นไปได้อย่างมาก” ที่สหรัฐฯจะทำสงครามกับจีนในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเป็นไปได้ว่าภายในระยะเวลา 15 ปี ทั้งนี้ตามความคิดเห็นของอดีตนายพลที่เคยเป็นผู้บัญชาการทัพบกสหรัฐฯในยุโรป
พลโท(เกษียณอายุ) เบน ฮอดเจส (Ben Hodges) กล่าวเตือนเหล่าชาติพันธมิตรยุโรปในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาจะต้องทำอะไรให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจเกี่ยวกับการป้องกันของพวกเขาเองเมื่อต้องเผชิญหน้ากับรัสเซียที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ เนื่องจากสหรัฐฯจะมีความจำเป็นต้องมุ่งโฟกัสให้ความสนใจมากขึ้นแก่การป้องกันผลประโยชน์ของตนเองในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อผลักไสจีนซึ่งเพิ่มความแข็งกร้าวยิ่งขึ้นทุกที ให้ถอยห่างออกไป ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวแอสโซซิเอเต็ด เพรส (Associated Press หรือ เอพี)
“สหรัฐฯไม่ได้มีศักยภาพที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะต้องทำทั้งในยุโรป และในแปซิฟิกเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากจีน” ฮอดเจส กล่าวในห้องประชุมที่มีผู้คนเต็มแน่น ณ เวทีประชุม “วอร์ซอ ซีเคียวริตี้ ฟอรั่ม” (Warsaw Security Forum) ซึ่งระดมเหล่าผู้นำตลอดจนผู้เชี่ยวชาญทางทหารและทางการเมืองจากยุโรปกลางมาชุมนุมออกความคิดเห็นกันเป็นเวลา 2 วัน
“ผมคิดว่าภายใน 15 ปี --มันไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้หรอกนะ แต่มันเป็นไปได้อย่างมากๆ เลย –ที่เราจะทำสงครามกับจีน”
ฮอดเจสนั้นเคยบังคับบัญชากองทัพบกสหรัฐฯในยุโรปช่วงระหว่างปี 2014 ถึง 2017 เวลานี้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญทางยุทธศาสตร์อยู่ที่ ศูนย์กลางเพื่อการวิเคราะห์นโยบายด้านยุโรป (Center for European Policy Analysis) ในกรุงวอชิงตัน
ในเวลาต่อมา ฮอดเจส บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ “เกือบจะชนกัน” เมื่อเร็วๆ นี้ ระหว่างเรือพิฆาตของนาวีอเมริกันลำหนึ่งกับเรือรบของจีนลำหนึ่งในทะเลจีนใต้ เป็นเพียงหนึ่งในสัญญาณหลายๆ ประการซึ่งส่อให้เห็นถึง “ความสัมพันธ์อันตึงเครียดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นทุกที ในทุกๆ ปริมณฑลต่างๆ หลายหลาก” ระหว่างอภิมหาอำนาจทั้งสอง
ทั้งนี้เรือพิฆาตของกองทัพเรือสหรัฐฯและของกองทัพเรือจีนเกือบจะแล่นชนกันเมื่อเดือนที่แล้ว ระหว่างการปฏิบัติการสำแดง “เสรีภาพในการเดินเรือ” ของสหรัฐฯ เพื่อท้าทายการกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนอย่างแข็งกร้าวของปักกิ่ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้
เรื่องอื่นๆ ที่ชวนให้รู้สึกโกรธเกรี้ยวจีนยังมีตามมาอีกเป็นแถวๆ ดังเช่น “การโจรกรรมเทคโนโลยีอย่างไม่ยอมเลิกรา” และการพยายามเข้าควบคุมโครงสร้างพื้นฐานด้วยการให้เงินทุนสนับสนุนโครงการต่างๆ ในแอฟริกาและยุโรป ฮอดเจสบอก
เขากล่าวว่า เวลานี้จีนเป็นเจ้าของ “ท่าเรือต่างๆ ในยุโรปมากกว่า 10%” ไปเรียบร้อยแล้ว
จนถึงเวลานี้ การตอบโต้ของฝ่ายปักกิ่งต่อการตั้งข้อสังเกตอย่างเป็นปรปักษ์ของฮอดเจสคราวนี้ มาจากรัฐมนตรีกลาโหม เว่ย เฟิ้งเหอ (Wei Fenghe) ซึ่งออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯละทิ้งสิ่งที่เขากล่าวว่าเป็น “ความคิดจิตใจแบบยุคสงครามเย็น” ณ การประชุมครั้งหนึ่งที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง
เว่ย ซึ่งได้พบหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เจมส์ แมตทิส เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมาที่สิงคโปร์ บอกว่า สิ่งปลูกสร้างทางทหารต่างๆ ที่จีนจัดตั้งขึ้นในทะเลจีนใต้นั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพิทักษ์คุ้มครองผลประโยชน์ของจีนในบริเวณดังกล่าว
“สถานการณ์ในทะเลจีนใต้กำลังเข้าสู่เสถียรภาพ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าทุกๆ ประเทศสามารถที่จะดูแลกิจการของพวกเขาเองได้” เว่ย บอก
เขายังยืนยันต่อประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลายว่า จีนนั้นไม่ได้มีความสนใจที่จะเข้าร่วมในการแข่งขันด้านกำลังอาวุธ