xs
xsm
sm
md
lg

In Clips : ช็อก! “อเมริกันชน” ฮิตตามหาบรรพบุรุษ ร่วม 1.28 ล้านฝากไว้กับเว็บไซต์ตรวจ DNA “ส.ว.วอร์เรน” เดโมแครตโชว์ผลตรวจโต้ทรัมป์ “ยันมีเลือดอินเดียนแดงจริง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - อย่างไม่ต้องสงสัยชาวอเมริกันนิยมตามหาบรรพบุรุษตัวเอง เห็นได้จากรายการทางโทรทัศน์ หรือโฆษณาทางทีวี เสนอการตรวจ DNA เพื่อตามหาต้นตระกูล แต่กลายเป็นประเด็นการเมืองเมื่อพรรคเดโมแครต ส.ว.ผิวขาว เอลิซาเบธ วอร์เรน (Elizabeth Warren) ออกมาแสดงผลตรวจ DNA ของตัวเองต่อสื่อ ยืนยันว่าตัวเองมีสายเลือดอินเดียนแดงจริง สื่อชี้นอกจากต้องการปิดปากผู้นำสหรัฐฯ แล้ว ยังหวังกระแสส่งเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2020

เดอะ เวิร์จ (The Verge) สื่อการเมืองสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) แสดงความเห็นถึงข่าว ส.ว.ชื่อดังของรัฐแมสซาชูเซตส์ เอลิซาเบธ วอร์เรน (Elizabeth Warren) หนึ่งในความหวังของพรรคเดโมแครตสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่หวังว่าทำเนียบขาวจะอยู่ในความครอบครองของเดโมแครตอีกครั้ง ได้เปิดเผยผลการตรวจ DNA ของตัวเองที่เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า ***เธอมีบรรพบุรุษเป็นอเมริกันเชื้อสายอินเดียนแดงจริง***

กระแสฮิตการตรวจ DNA เพื่อตามหาบรรพบุรุษของชาวอเมริกันชน เป็นความสนใจอย่างลึกซึ่งในเรื่องสีผิวและชาติพันธุ์ ที่ทุกคนในอเมริกา ในประเทศเสมือนเบ้าหลอมทางวัฒนธรรม ต่างมีความปรารถนาต้องการทราบว่าบรรพบุรุษของตนเองนั้นมาจากมุมไหนของโลกบ้าง

อาจเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับคนทั่วไปที่ประเทศอื่นๆ เป็นต้นว่ามาในเอเชีย หรือยุโรป ที่คนในชาติส่วนใหญจะเป็นคนที่มาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน

แต่ทว่าในอเมริกากลายเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นจากเกมโชว์ทางโทรทัศน์หรือโฆษกณาบนหน้าจอเกี่ยวข้องกับการใช้สารคัดหลั่งของร่างกายสำหรับวิเคราะห์ DNA เพื่อตามหาบรรพบุรุษ เป็นต้นว่า

อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ออสเตรเลีย ซิดนีย์มอร์นิง เฮอรัลด์ เว็บไซต์ตรวจ DNA"Ancestry.com" หรือ "23andMe "สามารถตามหาต้นตระกูลของบุคคลได้ภายในสนนราคาแค่ 100 ดอลลาร์ หรือราว 3,300 บาทเท่านั้น

ความสนใจนี้ได้ลามมาเข้าถึงแวดวงการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยใช้วาทะนักเลงโตประจำโรงเรียน เรียก ส.ว.เอลิซาเบธ วอร์เรน ว่า “โพคาฮอนทัส” ตัวละครฮีโร่เด็กผู้หญิงจากการ์ตูนค่ายวอลท์ดิสนีย์ซึ่งเป็นชนเผ่าอินเดียนแดง หลังจากที่เธอประกาศทางการเมืองบนเวทีหาเสียง ส.ว.ในเวลานั้นว่า เธอมีสายเลือดอเมริกันเชื้อสายอินเดียแดง และกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว

“เชื้อชาติและแหล่งที่มา” ถือเป็นเรื่องที่สำคัญในอเมริกา อาจมีการเจ็บตัวเกิดขึ้น...หากว่ามีใครเกิดเรียกขานใครก็ตามที่มีหน้าตาคล้ายเอเชียว่า “Fortune Cookie” หรือ “คุกกี้เสี่ยงทาย” หรือเปรียบเปรย “ลิง” เข้ากับอเมริกันชนผิวสี ดังนั้น ส.ว.วอร์เรนจึงกลับมาอีกครั้งในเช้าวันจันทร์ (15) ผ่านทางวิดีโอคลิปสั้นๆ ของทีมหาเสียงเลือกตั้งของเธอ แสดงถึงผลการตรวจ DNA ของตัวเองที่ถือเป็นหลักฐานชี้ว่า ตัวเธอมีบรรพบุรุษเป็นชนพื้นเมืองอเมริกันจริงและสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์

CNN สื่อสหรัฐฯ และสื่ออื่นๆ ในอเมริกาวิเคราะห์ว่า วอร์เรนอาจตั้งความหวังว่า สิ่งนี้อาจจะหยุดเสียงวิจารณ์จากผู้นำสหรัฐฯ และนักการเมืองจากฟากฝั่งพรรครีพับลิกันได้สำเร็จ และ CNN ยังชี้ต่อว่า และสิ่งนี้อาจแสดงไปในทิศทางได้ว่า ส.ว.เอลิซาเบธ วอร์เรน ผู้นำสายโปรเกรสซีฟของพรรคเดโมแครตจะลงรับสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2020 และจะเป็นการทำแคมเปญหาเสียงที่ดุเดือดและจริงจัง

การบ่งบอกว่าตัวเองนั้นมีสายเลือดหรือ เชื้อชาติพันธุ์ใดๆในที่อื่นๆ ของโลกอาจไม่สำคัญ เป็นต้นว่า การเป็นคนไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย แต่ทว่าในอเมริกาพบว่า โฆษกทำเนียบขาวยุคทรัมป์ได้ตั้งโต๊ะชี้หน้า ส.ว.วอร์เรน ซึ่งเธอโด่งดังในยุคโอบามา จากการเป็นตัวตั้งตัวตีควบคุมการกำกับสถาบันทางการเงิน และตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีท

ชื่อของเธอยังผูกพันกับกฎหมายการเงิน กฎหมาย ดอดด์-แฟรงก์ (Dodd-Frank Wall Street Reform and Consumer Protection Act )ที่ถูกลงนามบังคับใช้ในปี 2010 โดยประธานาธิบดีโอบามา เป็นการกำกับการซื้อธุรกรรมการซื้อขายอนุพันธ์นอกตลาดที่มีความเสี่ยงสูง เช่น Credit Default Swap นั้น ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต.ของสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า SEC และหน่วยงานกำกับดูแลอนุพันธ์ของสินค้าโภคภัณฑ์ ที่เรียกว่า CFTC ซึ่งกฎหมายฉบับนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ในสมัยทรัมป์ต้องการให้มีการบังคับใช้น้อยลง

โดย ซาราห์ อักคาบี แซนเดอร์ส์ โฆษกประจำทำเนียบขาวอ้างว่า ศาตราจารย์วอร์เรนนั้นใช้ข้ออ้างเชื้อสายอินเดียนแดง “ชนเผ่าเชอโรกี” เพื่อได้รับการว่าจ้างในการให้เข้าสอนตามมหาวิทยาลัยชื่อดังต่างๆ ของสหรัฐฯ เป็นต้นว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

CNN ชี้ว่า อย่างไรก็ตาม ทางตัววอร์เรนเองได้ยอมรับว่าเธอระบุเจาะจงว่าเธอเป็นพวก
“ชนกลุ่มน้อย” ในอเมริกา (Minority) ในคณะอาจารย์วิชากฎหมายทั้งๆ ที่เธอเป็นอเมริกันผิวขาวซึ่งถือเป็นชนกลุ่มใหญ่ในประเทศในเวลานี้

แต่ทว่าการออกมาเปิดเผยของวอร์เรนนั้น “ผู้นำชาติเชอโรกี” (Cherokee Nation) ชนเผ่าอินเดียนแดงเชอโรกีในสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า “ไร้ประโยชน์” เพราะผลตรวจของ DNA ของเธอไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงความเป็นพลเมืองเชอโรกีได้ อ้างอิงจาก CNN รายงานเมื่อวานนี้ (15)

และสอดคล้องกับความเห็นของเดอะ เวิร์จ ที่กล่าวว่า ไม่ว่า ศาสตราจารย์วอร์เรนจะพยายามมากเพียงใด ผล DNA ที่เธอถือในมือไม่สามารถใช้พิสูจน์ความเป็นชนเผ่าเชอโรกีได้ “เพราะพันธุกรรมนั้นไม่ใช่วัฒนธรรม”

อย่างไรก็ตาม ทางเดอะเวิร์จได้รายงานการแสดงความเห็นจากนักพันธุศาสตร์ชื่อดังประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด คาร์ลอส บัสทามานต์ ( Carlos Bustamante) และแม็กอาร์เธอร์ (MacArthur) เพื่อนร่วมงาน ที่นำการวิจัยได้แสดงความเห็นว่า ถึงแม้ว่า วอร์เรนจะมีความเป็นชนยุโรปผิวขาวส่วนใหญ่ “แต่ผลปรากฏสนับสนุนถึงการมีอยู่ของการผสมของบรรพบุรุษที่เป็นชนเผ่าอินเดียแดง” 6-10 รุ่นก่อนหน้า

เดอะเวิร์จชี้ว่า นี่อาจสนับสนนการอ้างของวอร์เรนได้ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะมีบรรพบุรุษย้อนไปไกลถึง 10 รุ่น ***แต่ทว่าวอร์เรนจะมีแค่ 1 ในลำดับที่ 1024 (1/1024th) ของความเป็นชนเผ่าอเมริกันเชื้อสายอินเดียเท่านั้น***
ซึ่งถือว่าน้อยมาก และเป็นสิ่งที่บรรดานักวิจารณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับเธอจะชอบใช้นำมาอ้าง

เทรนด์การใช้ DNA เพื่อแสดงความเป็นเอกลักษณ์บุคคลของชาวอเมริกันเป็นสิ่งที่น่ากังวล หนังสือพิมพ์ออสเตรเลีย ซิดนีย์มอร์นิง เฮอรัลด์ ชี้เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า การที่ชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากตรวจพิสูจน์ DNA ของตัวเองทำให้สหรัฐฯ ตกอยู่ในความเสี่ยง

ทั้งนี้ ลำดับการเรียงตัวทางพันธุกรรมนั้นถือเป็นสิ่งเฉพาะตัว ซึ่งการศึกษาชิ้นใหม่อ้างว่า พบว่าชาวอเมริกันมากกว่าครึ่งสามารถูกตามตัวได้จากชื่อเท่านั้น หากว่าสามารถเข้าถึงตัวอย่าง DNA ข้อมูลเฉพาะบุคคล เป็นต้นว่า ที่อยู่ และอายุ ได้สำเร็จ

ในรายงานของซิดนีย์ มอร์นิง เฮอรัลด์ ได้แสดงให้เห็นถึงความชื่นชอบในการตรวจ DNA ของชาวอเมริกัน เพราะพบว่า

มีชาวอเมริกันจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนได้เปิดเผยข้อมูลทางพันธุกรรมของตัวเอง และมีจำนวนหลายสิบทำการเปิดเผยต่อสาธารณะทุกวัน

จากการในอเมริกา ผู้คนสามารถทิ้งตัวอย่าง DNA ของตัวเองไว้กับเว็บไซต์ตรวจสอบ DNA ของเอกชนได้ เป็นต้นว่า เว็บไซต์ MyHeritage มีฐานข้อมูลตัวอย่าง DNA ลูกค้าชาวอเมริกันร่วม 1.28  ล้านคน

ยานิฟ เออร์ลิค (Yaniv Erlich) นักวิจัยวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ประจำมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผู้นำการวิจัยที่ต้องการทราบความเป็นไปได้ในการตามหาชื่อของบุคคล และเอกลักษณ์บุคคลของคนนั้น จากข้อมูลชิ้นส่วน DNA และข้อมูลพื้นฐานส่วนตัวที่ถูกเปิดเผยในสาธารณะแบบบุคคลนิรนาม

โดยทางนักวิจัยได้ทำการอัปโหลด “รหัสพันธุกรรม” ที่ได้จากชิ้นส่วน DNA จากสาธารณะเข้ากับ GEDmatch เพื่อตรวจดูว่า บุคคลนี้มีความเกี่ยวพันทางพันธุกรรมกับบุคคลอื่นๆ หรือไม่ ซึ่งทีมวิจัยพบบนเว็บไซต์ และพบว่าตัวอย่าง DNA มีความเกี่ยวพันกับบุคคลหนึ่งในรัฐนอร์ทดาโกตา และอีกคนที่รัฐไวโอมิง และทางทีมวิจัยยังทำกระบวนการอื่นๆ ที่ยากลำบากตามมาหลังจากนั้น จนทางทีมวิจัยสามารถสืบจนได้ชื่อของเจ้าของชิ้นส่วน DNA ที่ว่า และทำให้ทางนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยโคลัมเบียสรุปว่า รัฐบาลต่างชาติอาจใช้ความก้าวงหน้าทางเทคโนโลยีนี้ในการติดตามพลเมืองสหรัฐฯ เพื่อการหนึ่งการใดได้ หรืออาจถูกกลุ่มกดดันทางการเมืองนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ใดผลประโยชน์หนึ่งได้







กำลังโหลดความคิดเห็น