xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่ายขวามะกัน ‘เห็นต่าง’รมว.กลาโหมไทเป ที่คุยว่า‘ไต้หวัน’ต้านทานการบุกของ‘จีน’ได้

เผยแพร่:   โดย: กองบรรณาธิการเอ เชียไทมส์

<i>รถถังของไต้หวันเข้าร่วมการฝึกซ้อมต่อต้านการรุกราน ซึ่งจำลองสถานการณ์กองทัพปลดแอกประชาชนจีนยกพลบุกเกาะแห่งนี้ ณ เมืองเถาหยวน ของเกาะไต้หวัน เมื่อวันที่ 9 ต.ค.) </i>
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Heritage Foundation disagrees with Taiwan defense chief
By Asia Times staff
09/10/2018

รัฐมนตรีกลาโหมไต้หวันกล่าวปลอบประโลมว่า ด้วยยุทธวิธีแบบใหม่จะทำให้กองทัพของไทเปสามารถต้านทานการบุกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้ ทว่ารายงานล่าสุดของ “มูลนิธิเฮอริเทจ” กลับเตือน อย่าละเลยความแข็งแกร่งโดยเปรียบเทียบระหว่าง 2 กองทัพนี้

รัฐมนตรีกลาโหม เหยียน เต๋อฟา (Yen De-fa) ของไต้หวัน กำลังพยายามปลอบประโลมให้บังเกิดความมั่นใจกันขึ้นมาอีกครั้งว่า กองทัพไต้หวันนั้นจะเตรียมพร้อมเข้าทำสงครามอยู่ตลอดเวลา เพื่อพิทักษ์ปกป้องเกาะที่มีการปกครองเป็นของตนเองแห่งนี้ การออกมาปลุกขวัญเช่นนี้ของเขาก็เพื่อตอบโต้กระแสความระแวงสงสัยระลอกล่าสุด เกี่ยวกับความแข็งแกร่งด้านการทหารของกองทัพไต้หวันเมื่อเปรียบเทียบกับของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนของจีนแผ่นดินใหญ่

“พี่น้องชาวไต้หวันไม่ต้องวิตกกังวล” เหยียนกล่าวในระหว่างวาระรับฟังความคิดเห็น ณ สภานิติบัญญัติของไต้หวัน (Legislative Yuan) เมื่อวันศุกร์ (5 ต.ค.) “ฝ่ายทหารมีความสามารถในการรับประกันความมั่นคงของประเทศชาติและในการปกป้องรักษาประเทศชาติ”

เหยียน ผู้เคยเป็นทั้งประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม (ผู้บัญชาการกองทัพ) และเลขาธิการสภาความมั่นคงของไต้หวัน พูดตอกย้ำถึงยุทธวิธีที่เพิ่งจัดทำวางแผนกันขึ้นมาใหม่ของกองทัพไต้หวันที่ใช้ชื่อว่า “ยุทธวิธีแบบสงครามอสมมาตร” (asymmetric warfare tactics) ซึ่งมุ่งพึ่งพาอาศัยระบบเรดาร์ และระบบต่อต้านอาวุธปล่อยยิงจากภาคพื้นดิน ตลอดจนเรือติดตั้งอาวุธปล่อย ในการสกัดกั้นการรุกรานจากทางทะเลของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เขายังหยิบยกแผนการของกระทรวงกลาโหมไต้หวันที่จะอัปเกรดพวกเครื่องบินขับไล่ของตน รวมทั้งฝูงบิน เอฟ-16, กองพลน้อยรถถังโจมตีและยานหุ้มเกราะซึ่งเพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อทำหน้าที่ป้องกันกรุงไทเป, และคำมั่นสัญญาอันเข้มแข็งไม่คลอนแคลนของสหรัฐฯและญี่ปุ่นในการร่วมกันค้ำประกันความมั่นคงของไต้หวัน ทั้งหมดเหล่านี้แหละที่เขาบอกว่าเป็นเหตุผลรองรับความมั่นอกมั่นใจของเขาและทำให้เขาสามารถตั้งสติให้ใจเย็นได้

เมื่อต้นเดือนตุลาคมนี้ สถานีโทรทัศน์ช่องข่าว “ซีเอ็นเอ็น” ของสหรัฐฯ รายงานว่า กระทรวงกลาโหมอเมริกัน (เพนตากอน) กำลังวางแผนการที่จะจัดการโชว์แสนยานุภาพในอาณาบริเวณใกล้ๆ กับพวกเกาะเล็กเกาะน้อยและแนวปะการังที่ปักกิ่งอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ โดยที่การอวดโอ่ทางทหารเช่นนี้ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนหน้า ยังจะครอบคลุมถึงพื้นที่ช่องแคบไต้หวันด้วย ในลักษณะของ “การสำแดงเสรีภาพในการเดินเรือ”

ในรายงานชิ้นนี้ โทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นได้อ้างคำพูดของพวกเจ้าหน้าที่ทางทหารของอเมริกันหลายรายที่มิได้มีการระบุชื่อ ซึ่งบอกว่ากองเรือภาคพื้นแปซิฟิกของกองทัพเรือสหรัฐฯ (US Navy’s Pacific Fleet) ได้ร่างข้อเสนอลับขึ้นมาฉบับหนึ่ง ในเรื่องจะจัดการโอ่อวดแสนยานุภาพระดับโลกขึ้นมา ด้วยจุดประสงค์ให้เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังจีน และเพื่อสาธิตว่าสหรัฐฯนั้นมีการเตรียมพร้อมอยู่แล้วที่จะป้องปรามและตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารต่างๆ ของฝ่ายจีน

เมื่อพวกสมาชิกสภานิติบัญญัติไต้หวันซักถามว่า กองทัพเรือไต้หวันจะเข้าร่วมสมทบกับกองเรือรบสหรัฐฯในการฝึกซ้อมโชว์แสนยานุภาพบริเวณนอกช่องแคบไต้หวันในเดือนพฤศจิกายนตามที่เป็นข่าวนี้หรือไม่ เหยียนก็กล่าวตอบเพียงแค่ว่า กระทรวงของเขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเอ็กเซอร์ไซส์ที่จะจัดขึ้นมาในอนาคตของทางเพนตากอน

อย่างไรก็ตาม มูลนิธิเฮอริเทจ (Heritage Foundation) องค์กรคลังสมองชื่อดังของสหรัฐฯที่มุ่งเสนอแนวความคิดแบบฝ่ายขวาและตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดูจะไม่ได้มองโลกแง่ดีเหมือนกับเหยียน ในเรื่องสภาพแวดล้อมทางความมั่นคงปลอดภัยของไต้หวัน

ในรายงานประจำปีฉบับล่าสุดที่มีความยาว 494 หน้า ซึ่งมุ่งวิเคราะห์ความเข้มแข็งทางการทหารของอเมริกา มูลนิธิเฮอริเทจได้กล่าวถึงไต้หวันว่า เปรียบได้กับ เป็น “ส่วนสำคัญยิ่งของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน” ใน “ภารกิจทางประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เพื่อการกำหนดรูปร่างลักษณะของสิ่งที่กองทัพปลดแอกประชาชนจีนจะหามาไว้ในครอบครอง และในการวางแผนการทางทหาร” (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.heritage.org/military-strength)

“การที่ตัวเลขงบประมาณกลาโหมส่วนซึ่งถูกประกาศออกมาอย่างเปิดเผยของจีน ได้เพิ่มพูนขึ้นในอัตราตัวเลขสองหลักตลอดระยะเวลาสองทศวรรษที่ผ่านมา ได้ผลิดอกออกผลก่อเกิดเป็นกองทัพปลดแอกประชาชนจีนซึ่งทันสมัยเพิ่มขึ้นมากอย่างมีสาระสำคัญ โดยความทันสมัยเหล่านี้จำนวนมากทีเดียวยังคงโฟกัสอยู่ที่เรื่องของไต้หวัน” รายงานนี้ระบุ

ฝ่ายจีนเวลานี้มีขีปนาวุธนำวิถีมากกว่า 1,000 ลูก, กองทัพอากาศซึ่งได้รับการปรับปรุงยกระดับให้ทันสมัยแล้ว, และเรือรบผิวน้ำทันสมัยตลอดจนเรือดำน้ำใช้เครื่องยนต์ดีเซล-ไฟฟ้าจำนวนเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีศักยภาพที่จะดำเนินการปิดล้อม รายงานฉบับนี้ชี้

“ถ้าหากไม่มีการปรากฏตัวอย่างแข็งแกร่งของฝ่ายอเมริกันแล้ว (ปักกิ่ง) อาจปรารถนาที่จะไปไกลยิ่งขึ้นกว่านี้อีก” รายงานบอก พร้อมกับย้ำว่า เป้าหมายของปักกิ่งนั้นอยู่ตรงที่ “เอาชนะโดยประสบการต้านทานเพียงน้อยนิดที่สุดจากไต้หวัน ก่อนที่สหรัฐฯจะสามารถจัดระดมการตอบโต้อันทรงประสิทธิภาพขึ้นมาได้”

รายงานฉบับนี้ของเฮอริเทจ ฟาวน์เดชั่น ยังได้อ้างอิงถึงคำเตือนของ พลเรือเอก แฮร์รี แฮร์ริส (Admiral Harry Harris) เมื่อตอนที่กำลังจะพ้นตำแหน่งผู้บัญชาการของกองบัญชาการทหารสหรัฐฯภาคพื้นแปซิฟิก (US Pacific Command หรือ PACOM กองบัญชาการทหารแห่งนี้เปลี่ยนชื่อเป็น กองบัญชาการทหารสหรัฐฯภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก US Indo-Pacific Command ใช้อักษรย่อว่า INDOPACOM ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2018 ซึ่งก็เป็นวันสุดท้ายแห่งการดำรงตำแหน่งนี้ของพลเรือเอกผู้นี้ ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ชีวิตนักการทูตพลเรือน โดยได้รับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำเกาหลีใต้ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน -ผู้แปล) โดยรายงานบอกว่า สหรัฐฯกำลังตกอยู่ในอันตรายที่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการแข่งขันด้านกำลังอาวุธรอบต่อไปกับจีน เนื่องจากว่าจีนกำลังมีการลงทุนอย่างมากมายในเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางการทหาร เป็นต้นว่าในเรื่องขีปนาวุธความเร็วสูงระดับไฮเปอร์โซนิก (hypersonic เร็วกว่าความเร็วเสียง 5 เท่าตัวขึ้นไป), ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence หรือ เอไอ), ตลอดจนศักยภาพทางอวกาศและทางไซเบอร์อันก้าวหน้า


กำลังโหลดความคิดเห็น