xs
xsm
sm
md
lg

ซาอุฯ โวยตุรกี ‘กุเรื่อง’ สังหารโหดนักข่าว ‘จามาล คาช็อกกี’ พร้อมส่งจนท.เยือนอังการาร่วมสืบคดี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ภาพจากกล้องวงจรปิดขณะที่ จามาล คาช็อกกี เดินเข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ ที่นครอิสตันบูลของตุรกี เมื่อวันที่ 2 ต.ค.
เอเอฟพี - รัฐบาลซาอุดีอาระเบียออกมาปฏิเสธข้อครหาส่งทีมนักฆ่าไปปลิดชีพคอลัมนิสต์ชื่อดัง จามาล คาช็อกกี (Jamal Khashoggi) ถึงสถานกงสุลในนครอิสตันบูล ชี้เป็นการ ‘กุเรื่องอย่างไม่มีมูล’ พร้อมส่งคณะผู้แทนเยือนอังการาเพื่อร่วมสืบสวนคลี่คลายคดีนี้

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตุรกีมีเทปบันทึกเสียงจากภายในสถานกงสุลซาอุฯ ซึ่งยืนยันได้ว่า คาช็อกกี ถูกทรมานและสังหารที่นั่น

เจ้าหน้าที่ตุรกีระบุวานนี้ (12 ต.ค.) ว่า ทางการซาอุฯ ได้ส่งคณะผู้แทนมาร่วมหารือ เนื่องจากคดีนี้เสี่ยงที่จะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งเปราะบางอยู่แล้วเป็นทุนเดิม

ล่าสุด เจ้าชายอับเดลอาซิส บิน สะอูด บิน นาเยฟ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยซาอุฯ ได้ออกมาตอบโต้กระแสข่าว คาช็อกกี ถูกสังหารโหด โดยตรัสว่า “เรื่องการสั่งฆ่าเขานั้นโกหกทั้งเพ และเป็นข้อครหาที่ไม่มีมูล”

เจ้าชายพระองค์นี้ยืนยันว่า ราชอาณาจักรซาอุฯ “ยึดมั่นในหลักการ กฎระเบียบ ประเพณี และปฏิบัติตามกฎหมายและธรรมเนียมระหว่างประเทศมาโดยตลอด” สำนักข่าว SPA ของการทางซาอุฯ รายงาน

การหายตัวไปของคอลัมนิสต์ฝีปากกล้ารายนี้เสี่ยงที่จะทำลายภาพลักษณ์ของซาอุดีอาระเบีย และกระทบความสัมพันธ์กับโลกตะวันตก ในขณะที่ซาอุฯ กำลังเดินหน้าปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารผู้ส่งอิทธิพล

คาช็อกกี วัย 59 ปี เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงมานาน และเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาลซาอุฯ ก่อนจะลี้ภัยการเมืองไปอยู่สหรัฐอเมริกาเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว หลังจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด วัย 33 พรรษา ทรงก้าวขึ้นมามีอำนาจ

นักข่าวอาวุโสรายนี้มักจะเขียนบทความวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลซาอุฯ อย่างเผ็ดร้อน รวมถึงตำหนิเจ้าชายโมฮัมเหม็ดที่ทรงเป็นตัวตั้งตัวตีนำชาติพันธมิตรอาหรับสู้รบกับกบฏฮูตีนิกายชีอะห์ในเยเมน จนเป็นเหตุให้พลเรือนล้มตายหลายพันคน
จามาล คาช็อกกี นักหนังสือพิมพ์ชาวซาอุฯ ซึ่งทำงานเป็นคอลัมนิสต์ให้กับวอชิงตันโพสต์
คาช็อกกี เดินทางไปที่สถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูลเพื่อทำเรื่องขอจดทะเบียนสมรสกับคู่หมั้นชาวตุรกีเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

วอชิงตันโพสต์อ้างว่า รัฐบาลตุรกีได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ทราบว่าพวกเขามีทั้งเทปเสียงและคลิปวิดีโอที่ยืนยันได้ว่า คาช็อกกี “ถูกสอบปากคำ ทรมาน และฆ่าทิ้ง” ภายในสถานกงสุลซาอุฯ ก่อนที่ศพของเขาจะถูกหั่นทำลาย

ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีได้ลองสอบถามเจ้าหน้าตุรกีในประเด็นนี้ แต่ก็ไม่ได้รับคำยืนยัน

ประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกีท้าให้ซาอุฯ เปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดของสถานกงสุล เพื่อยืนยันว่า คาช็อกกี เดินทางกลับออกไปโดยสวัสดิภาพจริงตามที่พวกเขาอ้าง

ตุรกีและซาอุดีอาระเบียมีจุดยืนขัดแย้งเกี่ยวกับปัญหาในภูมิภาคหลายประเด็น ตั้งแต่การโค่นล้มรัฐบาลสายอิสลามิสต์ของอียิปต์เรื่อยมาจนถึงกรณีที่ซาอุฯ และชาติพันธมิตรรวมหัวกันปิดล้อมกาตาร์เมื่อปีที่แล้ว แต่ถึงกระนั้น ในฐานะที่เป็นมหาอำนาจนิกายสุหนี่ด้วยกัน ทั้งสองประเทศก็ยังพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้

แม้รัฐบาลริยาดจะอนุญาตให้ตุรกีเข้าตรวจสอบภายในสถานกงสุลตั้งแต่วันอังคาร (9) ทว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่มีการตรวจค้นเกิดขึ้น

หนังสือพิมพ์ซาบาห์ (Sabah) ซึ่งเป็นสื่อโปรรัฐบาลตุรกีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ซาอุฯ ยอมให้เข้าไปดูแบบ ‘ผิวเผิน’ เท่านั้น ซึ่งฝ่ายตุรกีไม่เห็นด้วย และต้องการตรวจค้นทั้งอาคารโดยใช้ ‘ลูมินอล’ (Luminol) ซึ่งเป็นสารเคมีที่สามารถตรวจหาร่องรอยของเลือดได้

กำลังโหลดความคิดเห็น