xs
xsm
sm
md
lg

วอชิงตันโพสต์แฉ ‘มกุฎราชกุมารซาอุฯ’ สั่งอุ้มฆ่านักข่าวดังคาสถานกงสุล ด้าน ‘ทรัมป์’ จี้ริยาดชี้แจงความจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย (ขวา) และ จามาล คาช็อกกี นักหนังสือพิมพ์ชาวซาอุฯ ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ให้หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ และหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.
เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องวานนี้ (10 ต.ค.) ให้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียออกมาชี้แจงกรณีการหายตัวไปของ จามาล คาช็อกกี (Jamal Khashoggi) นักข่าวชาวซาอุฯ หลังเจ้าหน้าที่ตุรกีสันนิษฐานว่าคอลัมนิสต์ฝีปากกล้ารายนี้อาจถูก ‘อุ้มฆ่า’ ระหว่างเข้าไปติดต่อสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียที่นครอิสตันบูล

ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า ตนได้พูดคุยกับ ‘เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุด’ ของซาอุดีอาระเบีย ‘มากกว่า 1 ครั้ง’ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ จามาล คาช็อกกี คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ซึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.

“เราร้องขอทุกสิ่งทุกอย่าง... เรายอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นไม่ได้ ไม่ว่าจะกับสื่อมวลชนหรือใครก็ตาม” ทรัมป์ กล่าว

“เรารู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราไม่ชอบเรื่องแบบนี้ และจะสืบสาวไปจนถึงต้นตอของเรื่องทั้งหมด”

วุฒิสมาชิก 22 คนได้ยื่นจดหมายเรียกร้องให้ ทรัมป์อาศัยอำนาจตามกฎหมายแมกนิตสกีว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสิทธิมนุษยชนสากล (Global Magnitsky Human Rights Accountability Act) ซึ่งกำหนดให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องเปิดการสอบสวนและพิจารณาว่าสมควรใช้มาตรการคว่ำบาตรหรือไม่

กฎหมายนี้จะถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อเกิดคดีที่ต้องสงสัยว่าเป็นการสังหารโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม (extrajudicial killing) การทรมาน หรือการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนที่ทั่วโลกยอมรับต่อบุคคลซึ่งใช้เสรีภาพในการแสดงออก

ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกของทรัมป์ เปิดเผยว่า ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ จอห์น โบลตัน, รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ รวมถึงบุตรเขยและที่ปรึกษาคนสนิทของทรัมป์ เจเร็ด คุชเนอร์ ล้วนแต่ได้พูดคุยกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา

สหรัฐฯ ยังไม่ได้ยอมรับข้อสันนิษฐานของตุรกีเกี่ยวกับชะตากรรมของ คาช็อกกี ซึ่งลี้ภัยไปอยู่อเมริกาตั้งแต่ปีที่แล้ว และมักจะเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานและเจ้าชายโมฮัมเหม็ดอย่างไม่ไว้หน้า

เจ้าหน้าที่ตุรกีเชื่อว่า คาช็อกกี ถูกหน่วยปฏิบัติการ 15 คนที่รัฐบาลริยาดส่งมายังนครอิสตันบูลลวงไปฆ่าทิ้ง

ล่าสุด หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวันพุธ (10) ว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ดว่าทรงเป็นผู้ออกคำสั่งปลิดชีพ คาช็อกกี ด้วยพระองค์เอง

สื่อฉบับนี้อ้างข่าวกรองที่สหรัฐฯ ดักฟังมาได้ โดยพบว่าเจ้าหน้าที่ซาอุฯ เคยวางแผนล่อลวง คาช็อกกี ให้เดินทางจากรัฐเวอร์จิเนียกลับไปยังซาอุดีอาระเบียเพื่อจับกุมตัวเขา และยังอ้างข้อมูลจากเพื่อนของ คาช็อกกี หลายคนซึ่งระบุว่า เคยมีเจ้าหน้าที่ซาอุฯ พยายามติดต่อเขาเพื่อเสนอให้ความคุ้มครอง หรือแม้กระทั่งจะมอบตำแหน่งระดับสูงในรัฐบาลให้

อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โรเบิร์ต พัลลาดิโน ยืนยันต่อสื่อมวลชนวานนี้ (10) ว่าวอชิงตันไม่เคยได้รับข่าวกรองเช่นนั้นมาก่อน

“สหรัฐฯ ไม่เคยรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับการหายตัวไปของ จามาล คาช็อกกี” หรือภัยคุกคามอื่นๆ ที่จะมีต่อเขา
หนังสือพิมพ์ซาบาห์ของตุรกีเผยภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งสามารถบันทึกภาพรถตู้สีดำที่จอดอยู่ด้านหน้าสถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูล เมื่อวันที่ 2 ต.ค.
โบลตัน, คุชเนอร์ และพอมเพโอ เรียกร้องให้ทางการซาอุฯ “ชี้แจงรายละเอียดและดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อย่างโปร่งใส” ขณะที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ก็มีแผนที่จะเชิญ เฮทิซ เซนกิซ (Hatice Cengiz) คู่หมั้นของ คาช็อกกี มาพูดคุยที่ทำเนียบขาว

เฟร็ด ไรอัน ซีอีโอของวอชิงตันโพสต์ ระบุว่า รายงานต่างๆ ที่ออกมานั้นบ่งชี้ว่า คาช็อกกี กำลังตกเป็นเหยื่อการฆาตกรรมโดยรัฐ

“การนิ่งเงียบ คำปฏิเสธ และความล่าช้าคือสิ่งที่ไม่อาจรับได้ พวกเราขอทราบความจริง” เขากล่าว

คาช็อกกี วัย 59 ปี เป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวซาอุฯ ที่มีชื่อเสียงมานาน และเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาล ก่อนจะลี้ภัยการเมืองไปอยู่สหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว หลังจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด วัย 33 พรรษา ทรงก้าวขึ้นมามีอิทธิพล เขาตำหนิราชวงศ์ซาอุฯ ว่ายังคงจับกุมผู้ที่เห็นต่างทั้งฝ่ายซ้ายและขวา ทั้งที่ประกาศว่าจะปฏิรูปบ้านเมืองให้มีความทันสมัย

คาช็อกกี ยังวิจารณ์เรื่องที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงเป็นตัวตั้งตัวตีให้ซาอุฯ นำชาติพันธมิตรอาหรับเปิดสงครามถล่มกบฏฮูตีในเยเมน จนเป็นเหตุให้พลเรือนล้มตายหลายพันคน และกำลังกลายเป็นวิกฤตมนุษยธรรมครั้งใหญ่ของโลก

คาช็อกกี เข้าไปที่สถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูลเพื่อทำเรื่องขอจดทะเบียนสมรสกับ เซนกิซ คู่หมั้นชาวตุรกี

ในบทสัมภาษณ์กับบีบีซีซึ่งมีขึ้นเพียง 3 วันก่อนที่เขาจะหายตัวไป คาช็อกกี ยอมรับว่าไม่คิดจะกลับไปซาอุดีอาระเบียอีก

“เมื่อผมได้ยินว่าเพื่อนคนหนึ่งถูกจับทั้งที่ไม่ได้ทำความผิดอะไร มันทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ควรกลับไป”

รัฐบาลซาอุฯ ยืนยันว่า คาช็อกกี ออกจากสถานกงสุลไปแล้ว และข้อครหาอุ้มฆ่าก็ “ไม่มีมูล” แต่พนักงานสอบสวนตุรกีชี้ว่า กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพนักข่าวรายนี้ขณะเดินเข้าไปในสถานกงสุล แต่ไม่มีภาพเขาตอนกลับออกมา
เครื่องบินส่วนตัวซึ่งคาดว่าเป็นพาหนะของกลุ่มชายชาวซาอุฯ ที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ จามาล คาช็อกกี ที่สนามบินอตาเติร์ก เมื่อวันที่ 2 ต.ค.
กล้องวงจรปิดของสนามบินอตาเติร์กบันทึกภาพชายชาวซาอุฯ 15 คน ซึ่งตำรวจตุรกีสันนิษฐานว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ จามาล คาช็อกกี
กำลังโหลดความคิดเห็น