หมดท่า! อดีตผู้นำเผด็จการ ‘ฟูจิโมริ’ วอนศาลเมตตา-ชี้ส่งคืนเรือนจำไม่ต่างกับ ‘ประหารชีวิต’

เอเอฟพี - อดีตประธานาธิบดี อัลเบร์โต ฟูจิโมริ แห่งเปรู กล่าววิงวอนขณะพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้ (4 ต.ค.) ว่า การถูกส่งตัวกลับเข้าเรือนจำก็เหมือนถูก ‘ประหารชีวิต’ หลังจากที่ศาลสูงสุดได้มีคำสั่งยกเลิกการอภัยโทษในคดีก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ

ฟูจิโมริ วัย 80 ปี บันทึกคำวิงวอนผ่านคลิปวิดีโอส่งถึงประธานาธิบดี มาร์คิน วิซคาร์รา และคณะผู้พิพากษาเปรู โดยระบุว่า “ได้โปรดอย่าฆ่าผมเลย ถ้าต้องกลับเข้าเรือนจำหัวใจผมคงทนไม่ไหว มันอ่อนแอเกินกว่าจะผ่านสิ่งเดิมๆ ได้อีก อย่าประหารผมเลย ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว”

ศาลสูงสุดเปรูมีคำพิพากษาเมื่อวันพุธ (3) ให้ยกเลิกคำสั่งอภัยโทษ ฟูจิโมริ ที่ออกโดยอดีตประธานาธิบดี เปโดร ปาโบล คักซินสกี เมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว ปิดฉากอิสรภาพของอดีตผู้นำจอมฉาวไว้เพียงแค่ 9 เดือนเศษ

อย่างไรก็ดี ฟูจิโมริ ซึ่งโดนหมายจับทันควันต้องถูกส่งตัวเข้าคลินิกอีกครั้ง เนื่องจากโรคหัวใจกำเริบ

อเลคันโดร อากวีนากา แพทย์ประจำตัวของฟูจิโมริ บอกกับสื่อมวลชนว่า ความดันโลหิตของเขาลดลงและหัวใจเต้นเร็วขึ้น ซึ่งเป็นอาการเดียวกับเมื่อตอนที่ถูกหามส่งโรงพยาบาลคราวก่อนๆ

รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเปรู เมาโร เมดินา ยืนยันกับสถานีวิทยุ RPP ของชิลีว่า ฟูจิโมริ กลับมามีสถานะเป็น “ผู้ต้องขัง” อีกครั้ง และจะต้องรับโทษจำคุกหลังออกจากโรงพยาบาล

ฟูจิโมริ ซึ่งเป็นอดีตผู้นำเชื้อสายญี่ปุ่นที่ปกครองเปรูในช่วงปี 1990-2000 ถูกหามส่งโรงพยาบาลมาแล้ว 4 ครั้งตั้งแต่ได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือน ธ.ค.

เคอิโกะ ฟูจิโมริ บุตรสาวซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านพลังประชาชน (Popular Force Party) วิจารณ์คำตัดสินของศาลว่า “ไร้ซึ่งความปรานี” และ “ไม่ยุติธรรม”

อดีตประธานาธิบดี คักซินสกี ประกาศอภัยโทษ ฟูจิโมริ โดยยกเรื่องมนุษยธรรมมาอ้าง แต่นักวิจารณ์เชื่อว่านี่คือการให้รางวัลตอบแทนแก่ เคนจิ ฟูจิโมริ บุตรชายอดีตผู้นำ ซึ่งช่วยให้เขารอดจากการถูกรัฐสภาลงมติถอดถอน (impeachment) มากกว่า

ฟูจิโมริ ถูกจำคุกมาแล้ว 12 ปี จากระยะเวลาทั้งหมด 25 ปีที่ศาลสั่งลงโทษในความผิดฐานส่งหน่วยล่าสังหารไปปลิดชีพศัตรูทางการเมืองในช่วงปี 1991-1992

นักสิทธิมนุษยชนและเหยื่อที่ถูก ฟูจิโมริ กวาดล้างได้ยื่นคำร้องต่อศาลสิทธิมนุษยชนแห่งทวีปอเมริกาเมื่อเดือน ก.พ. ให้ทบทวนขั้นตอนการพิจารณาอภัยโทษอดีตผู้นำรายนี้

สำหรับความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาตินั้นมีที่มาจากคดีฆาตกรรมและลักพาตัวพลเมืองหลายราย ซึ่งว่ากันว่าเป็นฝีมือกองกำลังลับของ ฟูจิโมริ ในช่วงที่เปรูเดินหน้ากวาดล้างกบฏลัทธิเหมา ‘ไชนิง พาธ’

ฟูจิโมริ เป็นอดีตผู้นำที่มีทั้งคนรักและคนเกลียดมากพอๆ กัน โดยฝ่ายที่ชื่นชอบก็อ้างว่ารัฐบาลของเขาช่วยพัฒนาเศรษฐกิจเปรูจนเข้าสู่ยุคใหม่ และปราบกบฏลัทธิเหมาจนแพ้ราบคาบ