เอเจนซีส์ – กลุ่มสังเกตการณ์ซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน SOHR ที่มีฐานในอังกฤษแถลงเมื่อวานนี้(30 ก.ย)ว่า มีผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนไปแล้วกว่า 18,000 คนในซีเรียนับตั้งแต่มอสโกเริ่มปฎิบัติการโจมตีช่วยอัสซาดเมื่อ 3 ปีก่อนหน้า แต่ทางรัสเซียโต้ว่า ตัวเลขแท้จริงคือ 85,000 ราย
DW สื่อเยอรมันรายงานเมื่อวานนี้(30 ก.ย)ว่า รัสเซียเข้าแทรกแซงทางการทหารให้ความช่วยเหลือรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีอัสซาดเมื่อวันที่ 30 ก.ย 2015 ถือเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าสงครามในซีเรีย เปิดโอกาสให้อัสซาดสามารถยึดพื้นที่ส่วนใหญ่กลับคืนมาได้สำเร็จ
ซึ่งในช่วงระยะเวลา 3 ปีเต็มพบว่ามีจำนวนไม่ต่ำกว่า 18,096 คนเสียชีวิตไปแล้วภายใต้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย กลุ่มสังเกตการณ์ซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน SOHR ที่มีฐานในอังกฤษแถลงในวันอาทิตย์(30 ก.ย)
และจากตัวเลขทั้งหมด มีพลเรือนรวมอยู่ในนั้น 7,988 ราย ที่มีเด็ก 1,936 คน และผู้หญิงจำนวน 1,199 คน นอกจากนี้ทางกลุ่มสังเกตการณ์ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อีกจำนวน 5,233 คนเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย IS และ 4,875 คนเป็นสมาชิกกลุ่มกบฎซีเรีย และกลุ่มญิฮัดต่างๆ
ทั้งนี้ชาติตะวันตกและกลุ่มกบฎซีเรียที่สนับสนุนชาติตะวันตกต่างรุมประณามเครื่องบินรบรัสเซียและซีเรียในการโจมตีด้วยระเบิดที่มีเป้าหมายไปที่โรงพยาบาล โรงเรียน และตลาดสด
แต่อย่างไรก้ตาม สื่อเยอรมันชี้ว่า ทางฝ่ายรัสเซียออกมาปฎิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า ทางรัสเซียมีเป้าหมายที่พวกพลเรือน โดยคณะกรรมาธิการการป้องกันประเทศรัสเซียแถลงในวันอาทิตย์(30 ก.ย)ว่า ตัวเลขที่แท้จริงนั้นคือ 85,000 คนที่เสียชีวิตลงหลังจากการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้น
ซึ่งตัวเลขที่ว่านี้เป็นกลุ่มก่อการร้ายทั้งสิ้น
และในวันเดียวกัน กลุ่มหมวกขาวไวท์เฮลเม็ต(White Helmet) ซึ่งเป็นกลุ่มบรรเทาทุกข์กู้ภัยซีเรียออกรายงานระบุว่า รัสเซียมีเป้าหมายโจมตีทางกลุ่มซึ่งปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ฝ่ายตรงกันข้าม โดยทางรัสเซียได้สังหารชีวิตพลเรือนไป 1,848 คน รวมไปถึงอาสาสมัครกลุ่มหมวกขาว 27 คน
และในรายงานของทางกลุ่มยังระบุว่า รัสเซียไม่มีการเลือกปฎิบัติในการโจมตีพื้นที่พลเรือน ส่งผลทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และความเสียหายอย่างมหาศาลในระบบโครงสร้างพื้นฐานจากการใช้ระเบิดโจมตีตลาด ร้านขนมปัง พื้นที่พลเรือน ค่าย IDP โรงเรียน และโรงพยาบาล