รอยเตอร์ – ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันจากแผ่นดินไหวและสึนามิในอินโดนีเซียพุ่งเป็น 832 รายในวันอาทิตย์ (30 ก.ย.) และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเป็นหลักพัน ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงพยายามเข้าถึงชุมชนที่ถูกตัดขาด ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ไต้ฝุ่นจ่ามีก็กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่เกาะหลักของญี่ปุ่น
ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นจ่ามี (Trami) กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เกาะหลักของญี่ปุ่น หลังจากสร้างความเสียหายให้กับเกาะทางใต้ โดยมีจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บร่วม 50 ราย เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยลมพัดแรงจัด และฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน
บริการรถไฟความเร็วสูง ชินคันเซ็น ต้องหยุดการวิ่งชั่วคราวทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่น เที่ยวบินมากกว่า 1,000 เที่ยวถูกสั่งยกเลิกเนื่องมาจากการปิดของสนามบินคันไซ ซึ่งเป็นฮับสำคัญ และการยกเลิกการให้บริการรถไฟช่วงเย็นในกรุงโตเกียว
เกาะโอกินาวาทางใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดที่ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นจ่ามีขึ้นฝั่งไปก่อนหน้านี้ เกิดความเสียหายไปทั้งเกาะ ลมพัดแรงจัดที่สามารถทำให้รถทั้งคันตองหงายท้อง มีบ้านเรือนจำนวนหนึ่งถูกน้ำท่วมเจิ่งนองหรือได้รับความเสียหาย และประชาชนบนเกาะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นแก่ชีวิต
ทางการญี่ปุ่นออกประกาศคำสั่งอพยพแบบสมัครใจแก่ประชาชนจำนวน 349,000 คน โดยมีประมาณ 300,000 ครัวเรือนต้องอยู่โดยที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้
สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศคำเตือนไปยังประชาชนว่า ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นจ่ามีนั้นจะนำทั้งลมพัดแรงและฝนตกหนักเข้ามา ซึ่งอาจทำให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน รวมไปถึงฟ้าผ่าเกิดขึ้นทั่วประเทศได้และขอให้ระมัดระวัง
ส่วนที่อินโดนีเซีย มีรายงานระบุว่า ประชาชนหลายสิบคนติดอยู่ใต้ซากโรงแรม 2 แห่งและห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองปาลู ที่ถูกคลื่นสูง 6 เมตรถาโถมภายหลังแผ่นดินไหวขนาด 7.5 เมื่อวันศุกร์ และหญิงสาวคนหนึ่งได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาได้จากใต้ซากโรงแรมโรอา โรอา ด้านเจ้าของโรงแรมเชื่อว่า ยังมีคนติดอยู่อีก 60 คน ขณะที่ชาวบ้านหลายร้อยคนช่วยกันค้นหาในห้างสรรพสินค้าที่พังเสียหาย
ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดส่วนใหญ่พบในปาลู และเจ้าหน้าที่กำลังรอฟังรายงานจากพื้นที่ห่างไกลอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดองกาลาที่มีประชากร 300,000 คน ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของปาลู ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว รวมทั้งอีกสองเขต
รองประธานาธิบดี จูซูฟ คัลลา คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มเป็นหลักพัน จากตัวเลขที่ได้รับการยืนยันล่าสุด 832 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ที่เสียชีวิตในซากอาคารบ้านเรือนหรือถูกสึนามิซัด
ซูโตโป เปอร์โว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติ แถลงว่า พื้นที่ประสบภัยมีขนาดใหญ่กว่าที่คิดไว้ตอนแรก ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยมีช่องทางเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยเพียง 1 ใน 4 แห่งเท่านั้นคือปาลู ส่วนอีก 3 แห่งการสื่อสารถูกตัดขาด ไฟฟ้าดับ และยังไม่รู้ชัดว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร
นูโกรโฮเสริมว่า มีชาวต่างชาติสูญหาย 5 คน ได้แก่ ชาวฝรั่งเศส 3 คน, เกาหลีใต้และมาเลเซียชาติละ 1 คน นอกจากนี้ยังมีประชาชน 540 คนได้รับบาดเจ็บ และราว 16,000 คนอยู่ในศูนย์พักพิงและต้องการน้ำสะอาด ด้านสภากาชาดเผยว่า สถานการณ์ในดองกาลาน่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากยังไม่ได้รับข้อมูลใดๆ และจากภาพข่าวทีวีเผยให้เห็นความเสียหายรุนแรง บ้านเรือนถูกซัดลงทะเล และมีร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
มูฮัมหมัด ไซยอกี ผู้อำนวยการสำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติ เผยว่า จะนำเจ้าหน้าที่กู้ภัยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังดองกาลา ขณะที่ ศรี มัลยานี อินทราวาตี รัฐมนตรีคลัง แถลงว่า รัฐบาลจัดสรรเงิน 37.58 ล้านดอลลาร์เพื่อการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ
ด้านประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย ได้เดินทางไปตรวจสอบภารกิจการกู้ภัยที่ปาลูในวันอาทิตย์ (30 ก.ย.) ส่วนนายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลีย เผยว่า ได้ติดต่อวิโดโดเมื่อคืนวันเสาร์ (29 ก.ย.) เพื่อเสนอความช่วยเหลือและแสดงความเสียใจ
กองทัพอินโดนีเซียเริ่มส่งเครื่องบินพร้อมความช่วยเหลือจากจาการ์ตาและเมืองอื่นๆ ไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้ว โดยเจ้าหน้าที่เผยว่า สนามบินปาลูได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว แต่ขณะนี้เริ่มให้บริการอีกครั้ง โดยจำกัดสำหรับเที่ยวบินพาณิชย์
อินโดนีเซียนั้นเผชิญแผ่นดินไหวและสึนามิรุนแรงมาบ่อยครั้ง ปี 2004 แผ่นดินไหวนอกเกาะสุมาตราทำให้เกิดคลื่นยักษ์ทั่วมหาสมุทรอินเดีย มีผู้เสียชีวิต 226,000 รายใน 13 ประเทศ ซึ่งรวมถึงกว่า 12,000 รายในแดนอิเหนา นอกจากนั้นเมื่อเดือนสิงหาคมยังเกิดแผ่นดินไหวหลายระลอกทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 รายบนเกาะลอมบ็อก
ด้วยเหตุนี้ จึงมีคำถามตามมาว่า เหตุใดระบบเตือนภัยที่ติดตั้งทั่วประเทศภายหลังมหาภัยพิบัติเมื่อ 14 ปีที่แล้วจึงดูเหมือนทำงานล้มเหลว
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์บีเอ็มเคจีออกประกาศเตือนสึนามิหลังจากแผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ แต่ยกเลิกหลังจากนั้น 34 นาทีทำให้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า เกิดสึนามิซัดถล่มจริงในช่วงเวลาที่ประกาศเตือนภัย
ทั้งนี้ ตอนที่คลื่นยักษ์ซัดเข้าฝั่งนั้น มีประชาชนหลายร้อยคนร่วมงานเทศกาลบนชายหาดปาลู เจ้าหน้าที่ระบุว่า คลื่นเคลื่อนเข้าฝั่งด้วยความเร็ว 800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนั้นการที่ปาลูอยู่ที่ส่วนหัวอ่าวที่ยาวเพียง 10 กิโลเมตรและกว้างแค่ 2 กิโลเมตร ทำให้คลื่นทวีความแรงขณะซัดเข้าหาเมือง
หลายคนยังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ ซึ่งมีการคาดเดากันว่า อาจเกิดจากแผ่นดินเคลื่อนตัวใต้น้ำ โดยทางบีเอ็มเคจีระบุว่า เซ็นเซอร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดคือห่างจากปาลูราว 200 กิโลเมตร บันทึกคลื่นที่มีขนาดเพียง 6 เซนติเมตร ขณะที่นักวิจัยแปลกใจที่แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบนรอยเลื่อนตามแนวระนาบตามที่บันทึก ได้ทำให้เกิดสึนามิ เนื่องจากปกติแล้วคลื่นยักษ์มักเกิดจากแผ่นดินไหวบนรอยเลื่อนตามแนวดิ่ง