เอเอฟพี - เครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35 ของกองทัพสหรัฐฯ ถูกใช้ในปฏิบัติการสู้รบเป็นครั้งแรกแล้ว จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมอเมริกาในวันพฤหัสบดี (27 ก.ย.) ถือเป็นหลักชัยครั้งใหญ่สำหรับเครื่องบินรบที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา
ภารกิจเมื่อพฤหัสบดี (27 ก.ย.) เป็นการโจมตีเป้าหมายต่างๆของพวกตอลิบาน ในจังหวันกันดาฮาร์ ประเทศอัฟกานิสถาน โดยเครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35 มากกว่า 1 ลำขึ้นบินจากเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก ยูเอสเอส เอสเซ็กซ์ “มันเป็นการโจมตีที่ประสบความสำเร็จ” เจ้าหน้าที่บอกกับเอเอฟพี
เครื่องบินที่ถูกส่งเข้าประจำการบนเรือยูเอสเอส เอสเซ็กซ์ ได้แก่ F-35B ของนาวิกโยธินสหรัฐฯ โดยมันมีศักยภาพในการเทกออฟขึ้นจากรันเวย์สั้นๆ และลงจอดในแนวดิ่ง
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤษภาคม กองทัพอิสราเอลเผยว่าได้ใช้ฝูงบิน F-35 ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ๆ ในปฏิบัติการสู้รบ ทำให้พวกเขากลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ส่งครื่องบินขับไล่ล่องหนล้ำสมัยนี้ลงสู่สมรภูมิโจมตีเป้าหมายต่างๆ
F-35 ถูกเปิดตัวในช่วงต้นทศวรรษ 1990 และถูกมองว่าเป็นระบบอาวุธแพงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ด้วยคาดหมายว่าหมดเงินไปกับโครงการนี้ราวๆ 400,000 ล้านดอลลาร์ และเป้าหมายคือผลิตให้ได้ 2,500 ลำในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า
เมื่อรวมค่าบริการและค่าบำรุงรักษา F-35 ตลอดอายุขัยของเครื่องบินไปจนถึงปี 2070 คาดหมายว่าต้นทุนของโครงการนี้น่าจะพุ่งเป็น 1.5 ล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
เครื่องบิน F-35 มีเทคโนโลยีล่องหนหลบหลักเรดาร์, ความเร็วเหนือเสียง, มีแสนยานุภาพโจมตีสนับสนุนทางอากาศอย่างใกล้ชิด, มีความคล่องแคล่วในอากาศ และแผงเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่เพื่อให้นักบินเข้าถึงข้อมูลโดยที่ไม่ใครเทียบได้
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ประสบปัญหาดีเลย์บ่อยครั้ง, งบประมาณบานปลายและความล้มเหลวต่างๆ นานา ในนั้นรวมถึงเหตุไฟไหม้เครื่องยนต์อย่างเป็นปริศนาในปี 2014 ซึ่งทำให้เหล่าผู้บังคับบัญชาสั่งระงับขึ้นบินเป็นการชั่วคราว