เอเอฟพี - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธ (26 ก.ย.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี แต่ไม่บ่งชี้ว่าจะดำเนินการเชิงรุกมากขึ้นในความพยายามเชิดหัวอัตราเงินเฟ้อ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
เป็นอีกครั้งที่เฟดบอกว่าการปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยสานต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็พยุงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่แถวๆ ระดับเป้าหมาย 2 เปอร์เซ็นต์ของเฟด
อย่างไรก็ตาม ในถ้อยแถลงที่ถูกพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ได้ตัดข้อความ “จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดยังคงมีความผ่อนคลาย” ซึ่งเป็นข้อความที่มักปรากฏในแถลงการณ์ของเฟดในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี นายเจอโรม เพาเวล ประธานเฟด กล่าวในการแถลงข่าวว่า การที่เฟดตัดข้อความดังกล่าวไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแต่อย่างใด
“คณะกรรมการคาดหมายว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม จะสอดคล้องกับการขยายตัวอย่างยั่งยืนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อใกล้ระดับเป้าหมายระยะกลาง 2 เปอร์เซ็นต์ของคณะกรรมการ” ถ้อยแถลงระบุ
แม้ในถ้อยแถลงได้ตัดข้อความ “การเงินแบบผ่อนคลาย” แต่ยังคงเน้นย้ำว่ากิจกรรมเศรษฐกิจและการจ้างงานดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
จนถึงตอนนี้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 8 ครั้ง นับตั้งแต่ปลายปี 2015 และคาดหมายว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 1 ครั้งในการประชุมหนสุดท้ายของปีในเดือนธันวาคม
ในการประมาณการรายไตรมาส เหล่านายธนาคารของธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าพวกเขาจะดำเนินการเชิงรุกมากขึ้นในการควบคุมราคา พร้อมทั้งประมาณการว่าตัวเลขเงินเฟ้อในปีหน้าจะลดต่ำลงเล็กน้อยจากที่เคยประมาณการไว้ในเดือนมิถุนายน ในขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
สำหรับการประมาณการในระยะกลางนั้น ยังคงคาดหมายว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงสิ้นปีน่าจะอยู่ที่ 2.4 เปอร์เซ็นต์ บอกเป็นนัยว่าจะมีการปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง ท่ามกลางความคาดหมายว่าจะมีขึ้นในเดือนธันวาคม
ทั้งนี้ ประมาณการว่าอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 3.1 เปอร์เซ็นต์ในปี 2019 ตามที่คาดหมายไว้หนสุดท้าย ซึ่งบ่งชี้ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 หนในปีดังกล่าว พร้อมทั้งคาดหมายด้วยว่าอัตราเงินเฟ้อจะทรงตัวอยู่ในระดับเป้าหมาย 2 เปอร์เซ็นต์