xs
xsm
sm
md
lg

รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ วิจารณ์จีนจับชาวมุสลิมอุยกูร์เข้าค่าย ‘ปรับทัศนคติ’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
เอเอฟพี - สหรัฐฯ ออกมาวิจารณ์แนวทางปฏิบัติที่จีนมีต่อชาวมุสลิมอุยกูร์ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเป็นพิเศษเมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) ซึ่งถือเป็นการเติมเชื้อไฟความขัดแย้งที่บั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจ

ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาแสดงความกังวล หลังจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุในรายงานล่าสุดว่าจีนได้นำชาวอุยกูร์จำนวนมากไปเข้าค่ายกักกัน โดยอ้างว่าเพื่อสกัดกั้นลัทธิก่อการร้ายในมณฑลซินเจียงซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของชาวมุสลิมกลุ่มน้อยเหล่านี้

“ชาวอุยกูร์หลายแสนคน หรืออาจจะเป็นล้านๆ คน ถูกกักขังอย่างไม่เต็มใจในสิ่งที่เรียกว่า ‘ค่ายปรับทัศนคติ’ (re-education camps) ซึ่งพวกเขาถูกบังคับให้ต้องยอมรับค่านิยมทางการเมืองและการล่วงละเมิดที่เลวร้ายอื่นๆ” พอมเพโอ ระบุในสุนทรพจน์ว่าด้วยเสรีภาพในการนับถือศาสนาทั่วโลก

“ความเชื่อทางศาสนาของพวกเขากำลังถูกทำลาย”

สมาชิกสภาคองเกรสทั้งสายเดโมแครตและรีพับลิกันพร้อมใจกันยื่นหนังสือถึง พอมเพโอ และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สตีเวน มนูชิน โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกักกันชาวอุยกูร์

พอมเพโอ ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการลงโทษหรือไม่ แต่ถ้อยคำที่ออกมานั้นถือว่ารุนแรงเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับท่าทีเฉยเมยที่รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีต่อปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศพันธมิตร เช่น อียิปต์ และซาอุดีอาระเบีย

สหรัฐฯ เผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในและนอกประเทศเกี่ยวกับนโยบายกีดกันชาวมุสลิม โดย ทรัมป์ ได้ให้สัญญาไว้ตั้งแต่ตอนเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีว่าจะสั่งห้ามไม่ให้ชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างสิ้นเชิง และทันทีที่เข้ารับตำแหน่งก็ได้เซ็นคำสั่งแบนพลเมืองจากชาติมุสลิมหลายประเทศ

พอมเพโอ ยังแสดงความเป็นห่วงชะตากรรมชาวคริสต์ในแดนมังกร ซึ่งเขายืนยันว่าถูกทางการจีนคุกคามด้วยวิธีต่างๆ ทั้ง “สั่งปิดโบสถ์ เผาพระคัมภีร์ไบเบิล และถูกบังคับให้เซ็นเอกสารละทิ้งความศรัทธา”

พอมเพโอ ยังให้สัมภาษณ์ในสัปดาห์นี้ว่า จีนถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อสหรัฐฯ ยิ่งกว่ารัสเซีย และยังวิจารณ์ปักกิ่งว่าเป็นรัฐบาลที่ “ไม่โปร่งใส”

“พวกเขาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของเราอย่างร้ายแรง และปฏิบัติต่อผู้นับถือศาสนากลุ่มน้อยอย่างป่าเถื่อน” เขาให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์

รัฐบาลจีนปฏิเสธรายงานของคณะกรรมการยูเอ็นว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ (UN Committee on the Elimination of Racial Discrimination) โดย หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมาแถลงเมื่อเดือนที่แล้วว่า รายงานชิ้นนี้ “มีพื้นฐานจากข้อมูลซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบ และไม่มีมูลความจริง”

หัว ย้ำว่า รัฐบาลจีนจำเป็นต้องมีมาตรการสกัดกั้นลัทธิหัวรุนแรงสุดโต่งและการก่อการร้ายบริเวณพรมแดนตะวันตกของประเทศ

ชาวมุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์หรือที่นักเคลื่อนไหวเรียกกันว่า “เตอร์กิสถานตะวันออก” (East Turkestan) นั้นถูกรัฐบาลจีนกดขี่อย่างเป็นระบบมานาน และเกิดความขัดแย้งรุนแรงเป็นพิเศษในพื้นที่ซึ่งจีนพยายามส่งชาวฮั่นเข้าไปอยู่อาศัย

โครงการสิทธิมนุษยชนอุยกูร์ (The Uyghur Human Rights Project) คาดการณ์ว่ามีประชากรอุยกูร์ราวๆ 10% ถูกจับตัวไปเข้าค่ายปรับทัศนคติ



กำลังโหลดความคิดเห็น