เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศรีดภาษีศุลกากร 10% จากสินค้าจีนอีก 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเริ่มมีผลบังคับในสัปดาห์หน้า ขณะที่สินค้าไฮเทคอย่างนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะของค่ายแอปเปิล (Apple) และฟิตบิต (Fitbit) รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการยังคงอยู่ในข่ายยกเว้น
ผู้นำสหรัฐฯ ได้ฝากคำเตือนไปถึงจีนเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ว่า หากยังขืนใช้มาตรการแก้แค้นเอากับสินค้าเกษตรหรืออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ อีก “เราจะเดินหน้าสู่เฟส 3 ทันที ซึ่งหมายถึงการเก็บภาษีเพิ่มจากสินค้าอีกราวๆ 267,000 ล้านดอลลาร์”
ทั้งนี้ หากสหรัฐฯ รีดภาษีสินค้าอีก 267,000 ล้านก็จะครอบคลุมมูลค่าสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากจีน แม้แต่ไอโฟนและโทรศัพท์มือถือจากค่ายคู่แข่งอื่นๆ ก็คงจะได้รับผลกระทบด้วย
คำสั่งขึ้นภาษีล่าสุดนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย. โดยเริ่มต้นที่ 10% ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 25% ในช่วงปลายปี เพื่อให้บริษัทอเมริกันที่ใช้จีนเป็นฐานการผลิตมีเวลาเคลื่อนย้ายห่วงโซ่อุปทานไปยังประเทศทางเลือกอื่นๆ
สหรัฐฯ ได้เริ่มเก็บภาษีสินค้าจีนในอัตราสูงไปแล้ว 50,000 ล้านดอลลาร์ โดยหวังกดดันให้ปักกิ่งแก้ไขพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม ตลอดจนยกเลิกการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยีและนโยบายอุดหนุนอุตสาหกรรมในประเทศ ซึ่งจีนก็ได้แก้แค้นด้วยการสั่งรีดภาษีสินค้าอเมริกันชนิดดอลลาร์ต่อดอลลาร์
การเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทการค้าระหว่างสองมหาอำนาจยังคงไร้ความคืบหน้า สัปดาห์ที่แล้ว สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนให้มาร่วมหารือกันอีกรอบ แต่ก็ยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน
“เราได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และได้ให้ทุกๆ โอกาสแก่จีนในการปฏิบัติต่อเราอย่างเป็นธรรมมากกว่านี้ แต่จีนก็ไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนพฤติกรรม” ทรัมป์ ระบุ
ฟาง ซิงไห่ (Fang Xinghai) รองประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) กล่าวในงานเสวนาที่เมืองเทียนจินวันนี้ (18) ว่า ตนหวังว่าจีนและสหรัฐฯ จะยังสามารถพูดคุยกันได้ แต่คำสั่งล่าสุดของ ทรัมป์ เป็นเสมือน ‘ยาพิษ’ ที่ทำลายบรรยากาศของการเจรจา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กอ้างแหล่งข่าวซึ่งระบุว่า รองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ ของจีนได้เตรียมเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่กรุงปักกิ่งเช้าวันนี้ (18) เพื่อหารือแนวทางตอบโต้สหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่อาวุโสในรัฐบาล ทรัมป์ คนหนึ่งยืนยันต่อสื่อมวลชนว่า สหรัฐฯ ยังพร้อมที่จะเจรจากับปักกิ่ง แต่ก็ไม่ระบุว่าการพูดคุยครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
“นี่ไม่ใช่ความพยายามบีบบังคับ แต่เป็นความพยายามทำงานร่วมกับจีน และบอกให้พวกเขารู้ว่า ถึงเวลาแล้วนะที่คุณจะต้องแก้ไขพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเราและคนอื่นๆ เคยบอกคุณไปแล้วว่ามันอันตรายต่อระบบการค้าโดยรวม” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุ
สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้ตัดสินค้า 297 รายการออกจากบัญชีขึ้นภาษีระลอกล่าสุด หลังจากที่ได้รับฟังคำวิจารณ์จากผู้ผลิตและผู้บริโภคมากกว่า 6,000 ความเห็น แต่เจ้าหน้าที่อเมริกันยืนยันว่ามูลค่าสินค้าที่ถูกรีดภาษียังคงอยู่ที่ราวๆ 200,000 ล้านดอลลาร์เท่าเดิม
คำสั่งขึ้นภาษีล่าสุดจะครอบคลุมสินค้าจำพวกอุปกรณ์รับสัญญาณเสียง, หน่วยความจำคอมพิวเตอร์, ระบบประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ รวมถึงอุปกรณ์สำนักงาน เช่น เครื่องถ่ายเอกสารและเครื่องจ่ายธนบัตร เป็นต้น แต่ยกเว้นนาฬิกาสมาร์ทวอตช์, อุปกรณ์บลูทูธ และสินค้าเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เน้นกลุ้มผู้บริโภคเป็นหลัก (consumer-focused)
สินค้าอื่นๆ ที่ได้รับการยกเว้น ได้แก่ วัตถุดิบจากจีนที่ใช้สำหรับผลิตสารเคมีในอุตสาหกรรมสิ่งทอและการเกษตร, หมวกกันน็อคสำหรับขี่จักรยาน และเบบี้คาร์ซีท เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้นำอุตสาหกรรมค้าปลักในสหรัฐฯ (RILA) เตือนว่าภาษีศุลกากรล็อตใหม่จะกระทบต่อสินค้าอุปโภคบริโภคหลายตัว เช่น เตาแก๊สกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ที่นำเข้าจากจีน รวมไปถึงกระเป๋าเดินทาง 843 ล้านดอลลาร์, ที่นอน 825 ล้านดอลลาร์ และเครื่องดูดฝุ่นอีก 1,900 ล้านดอลลาร์
“สุดท้ายแล้วภาษีศุลกากรก็จะถูกเก็บจากครอบครัวชาวอเมริกัน” ฮุน ควอช รองประธานฝ่ายการค้านานาชาติของ RILA ระบุ “ไม่ใช่จีน แต่เป็นผู้บริโภคต่างหากที่จะต้องแบกรับภาษี เกษตรกรและเจ้าของฟาร์มก็จะเดือดร้อนจากมาตรการแก้แค้นเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ