รอยเตอร์ -รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจเลื่อนแผนการทดสอบเตือนภัยที่ส่งตรงจากประธานาธิบดี ที่ไม่เคยใช้มาก่อน ออกไปอย่างน้อยๆจนถึงเดือนหน้า ขณะที่ระบบส่งข้อความเตือนภัยไปยังโทรศัพท์มือถือสหรัฐฯทุกเครื่องดังกล่าว มีเป้าหมายแจ้งเตือนสาธารณะทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติทั้งหลาย ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันจันทร์(17ก.ย.)
เดิมทีการทดสอบส่งข้อความถูกกำหนดไว้ในเวลา 14.18 น.EDTของวันพฤหัสบดี(20ก.ย.) ตรงกับเมืองไทย 01.18น.ของวันศุกร์(21ก.ย.) แต่มันถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 3 ตุลาคม ในเวลาเดียวกัน สืบเนื่องจากปัจจุบันยังคงอยู่ในภารกิจรับมือภัยพิบัติพายุดีเปรสชันฟลอเรนซ์ ถ้อยแถลงของสำนักงานบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินรัฐบาลกลาง(FEMA)ระบุ
ฟลอเรนซ์ขึ้นฝังนอร์ทแคโรไลนา ในสถานะเฮอร์ริเคนเมื่อวันศุกร์(14ก.ย.) ก่อน้ำท่วมอย่างกว้างขวางในนอร์ทแคโรไลนาและเซาท์แคโรไลนา
เมื่อสัปดาห์ที่แลิว FEMA ข้อความแจ้งเตือนนั้นจะพาดหัวทึบว่า "ประกาศเตือนประธานาธิบดี(Presidential Alert)" โดยโทรศัพท์จะดังขึ้นในโทนเสียงหนึ่งและมีลักษณะสั่นพิเศษ
การทดสอบถูกกำหนดขึ้นเพื่อรับประกันว่าระบบเตือนภัยนี้จะใช้ได้ผลในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติขึ้นมาจริงๆ และผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสหรัฐฯจะไม่สามารถบล็อคข้อความดังกล่าวได้( opt out) โดยในข้อความจะเขียนว่า "นี่คือการทดสอบ ระบบเตือนสถานการณ์ฉุกเฉินไร้สายแห่งชาติ ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติ"
อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ลงนามในกฎหมายฉบับหนึ่งในปี 2016 กำหนดให้ FEMA สร้างระบบๆหนึ่งขึ้นมาเพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดีสามารถส่งคำเตือนทางโทรศัพท์ในเรื่องสถานการณ์ฉุกเฉินความปลอดภัยสาธารณะไปยังประชาชนโดยตรง
ระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินไร้สายของประเทศเริ่มมาในปี 2012 และนับตั้งแต่นั้นได้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์ต่างๆมาแล้วกว่า 36,000 ครั้ง ในนั้นรวมถึงเด็กหาย, สภาพอากาศเลวร้ายและภัยพิบัติทางธรรมชาติ อย่างไรก็ตามยังไม่เคยมีครั้งไหนที่เป็นคำสั่งจากประธานาธิบดี และที่ผ่านมาผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสามารถบล็อคข้อความ(opt out) การแจ้งเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติและเด็กสูญหาย
ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านข้อความทดสอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว FEMA บอกว่าระบบเตือนภัยส่งตรงจากประธานาธิบดี จะถูกใช้เพียงเฉพาะในกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิกระดับชาติและประธานาธิบดีจะเป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียวสำหรับตัดสินใจว่าเมื่อไหร่ควรใช้ประกาศแจ้งเตือนนี้