xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่งยินดีวอชิงตันชวนเจรจา'การค้า'อีกยก สร้างความหวังใหม่หยุด'สงครามขึ้นภาษีศุลกากร'ตอบโต้กัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

<i> (ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 20 ก.ค. 2018) ผู้คนเดินผ่านภาพฝาผนังด้านนอกของธนาคารแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเขียนเป็นสัญลักษณ์สกุลเงินตราสำคัญๆ ของโลก  ทั้งนี้ขณะที่สงครามการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งกำลังทำท่าบานปลายขยายตัว  สหรัฐฯก็ยื่นเสนอให้จีนมาเจรจาเรื่องการค้ากันใหม่ </i>
เอเจนซีส์ – จีนแสดงความยินดีเมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.ย.) ต้อนรับข้อเสนอจากสหรัฐฯที่ให้เปิดการเจรจาการค้ารอบใหม่ ทำให้เกิดความหวังขึ้นมาบ้างว่ามหาอำนาจเศรษฐกิจสำคัญที่สุดของโลก 2 รายนี้อาจสามารถอยหลังกลับจากขอบเหวของสงครามการค้าแบบเต็มขั้น ถึงแม้วอชิงตันยังคงคุกคามจ่อเก็บภาษีสินค้าเมดอินไชน่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันผลสำรวจความคิดเห็นธุรกิจอเมริกันในจีนพบบริษัทส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามการค้า และกลุ่มธุรกิจในสหรัฐฯก็จับมือกดดันทางการเมืองเพื่อให้ “ทรัมป์” ยกเลิกมาตรการภาษีศุลกากร

สหรัฐฯกับจีนเปิดศึกขึ้นภาษีศุลกากรที่เก็บจากสินค้าเข้าของแต่ละฝ่ายตอบโต้กันมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว โดยทำท่าจะบานปลายขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเมื่อวันพุธ (12) มีข่าวปรากฏออกมาว่า รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สตีเวน มนูชิน ได้เชื้อเชิญเวจ้าหน้าที่ระดับท็อปของจีนมาหารือกันกันในรื่องนี้

แลร์รี คุดโลว์ ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์เครือข่ายฟ็อกซ์ บิสเนสเมื่อวันพุธ (12) ว่า มนูชิน ได้ส่งคำเชิญไปยังเจ้าหน้าที่อาวุโสของจีน หลังจากหารือและได้รับข้อมูลมาว่า รัฐบาลจีนต้องการเจรจาการค้าต่อ

แหล่งข่าววงในสองคนเผยว่า คำเชิญดังกล่าวส่งถึงรัฐมนตรีพาณิชย์จีน รวมถึงรองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจระดับสูงของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

เมื่อถามว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการเจรจาการค้ากับจีนเพิ่มเติมอีกหรือไม่ คุดโลว์ตอบว่า แน่นอน ถ้าผู้แทนจีนจริงจังกับการหารือและทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีบางประการ แต่สำทับว่า ตนเองไม่สามารถรับประกันอะไรได้

แหล่งข่าววงในยังบอกว่า กำหนดเวลาและสถานที่หารือยังขาดความชัดเจน โดยเมื่อวันที่ 22-23 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ระดับกลางของสองประเทศเพิ่งหารือกันโดยไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด

ในวันพฤหัสบดี (13) เกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า ปักกิ่งได้รับคำเชิญแล้วและยินดีอย่างยิ่ง และยังบอกว่า สองประเทศกำลังหารือรายละเอียดเรื่องนี้กันอยู่

ทางด้านเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ก็กล่าวอย่างเดียวกันในการแถลงข่าวตามปกติของกระทรวงเมื่อวันพฤหัสบดี พร้อมกับบอกด้วยว่า ฝ่ายจีนเชื่อว่าความขัดแย้งทางการค้าที่บานปลายออกไปนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเลย

ทั้งนี้ การหารือระดับรัฐมนตรีอาจทำให้ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่กำลังปกคลุมการค้าทุกภาคส่วนของทั้งสองประเทศ และทำให้บริษัทและผู้บริโภคต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้น

จนถึงขณะนี้ อเมริกาและจีนต่างเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงขึ้นจากสินค้าเข้าของอีกฝ่ายหนึ่ง รวมเป็นมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์แล้ว โดยที่ข้อพิพาทมีสาหตุสำคัญจากการที่อเมริกาเรียกร้องต้องการให้จีนเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการยุติการบีบให้ธุรกิจต่างชาติถ่ายโอนเทคโนโลยีให้บริษัทท้องถิ่น การยกเลิกโครงการอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมไฮเทค และการยกระดับการคุ้มครองสินทรัพย์ทางปัญญาของบริษัทอเมริกัน

สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯยังกำลังเตรียมขึ้นภาษีศุลกากรรอบใหม่กับสินค้าจีนรวมมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ และยังมีรายชื่อสินค้าอีกระลอกมูลค่า 267,000 ล้านดอลลาร์สำรองไว้แล้วหากจำเป็น

ขณะที่จีนขู่ตอบโต้ ซึ่งอาจรวมถึงการดำเนินการกับบริษัทอเมริกันในแดนมังกร
<i> (ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 7 ส.ค. 2018) รถบรรทุกกำลังลำเลียงตู้คอนเทนเนอร์ ข้างๆ กองตู้สินค้า ณ ท่าเรือแห่งหนึ่งในเมืองจางเจียกั่ง มณฑลเจียงซู ทางภาคตะวันออกของจีน  ทั้งนี้ จีนแสดงความยินดีในวันพฤหัสบดี (13 ก.ย.) ต่อการเชื้อเชิญของสหรัฐฯ ให้มาเปิดการเจรจาหารือเรื่องการค้ากันใหม่ </i>
ในเรื่องนี้ เมื่อวันพฤหัสฯ (13) หอการค้าอเมริกันในจีนและหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้ ได้เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นบริษัทอเมริกันที่ทำธุรกิจในจีนกว่า 430 แห่งซึ่งพบว่า บริษัทเหล่านั้นได้รับผลกระทบแง่ลบอย่างชัดเจนและครอบคลุมทั่วด้าน สืบเนื่องจากมาตรการตอบโต้ทางภาษีระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง

โดยบริษัทกว่า 60% ในการสำรวจระบุว่า มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของตน ขณะที่บริษัทในสัดส่วนเท่ากันบอกว่า ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของจีนเช่นเดียวกัน

บริษัท 42% ยังบอกว่า สินค้าของตนเป็นที่ต้องการของคนจีนน้อยลง ขณะที่บริษัท 50% มีรายได้ลดลง แต่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และบริษัท 12% ต้องปลดพนักงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์

วิลเลียม ซาริต ประธานหอการค้าอเมริกันในจีน มองว่า ทำเนียบขาวเชื่อว่า จีนจะยอมแพ้หลังจากวอชิงตันบังคับใช้มาตรการภาษีล็อตต่อไปกับสินค้ามูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ แต่สำหรับเขาคิดว่า วอชิงตันประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป และปักกิ่งจะตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันเช่นเดิม

บริษัทอเมริกันในจีนกังวลมากเกี่ยวกับมาตรการเชิงคุณภาพของปักกิ่ง โดยบริษัทกว่า 52% บอกว่า ถูกทางการจีนตรวจสอบมากขึ้น พิธีการศุลกากรล่าช้าลง และปัญหาแทรกซ้อนอื่นๆ จากการตรวจสอบและกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่จีน

บริษัท 1 ใน 3 กำลังพิจารณาชะลอหรือยกเลิกการลงทุน อย่างไรก็ดี 2 ใน 3 ไม่มีแผนย้ายการผลิตออกจากจีน ส่วนอีก 1 ใน 3 เล็งย้ายไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอนุทวีปอินเดีย มีแค่ 6% ที่ชั่งใจย้ายกลับอเมริกา

หอการค้าอเมริกันในจีนและหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้หวังว่า ผลสำรวจนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่ในวอชิงตันและปักกิ่งได้รับรู้ข้อเท็จจริงว่า มาตรการภาษีส่งผลอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งเรียกร้องให้คณะบริหารของทรัมป์ทบทวนแนวทางนี้

วันเดียวกัน หอการค้ายุโรปในจีนเผยแพร่ผลสำรวจที่ระบุว่า มาตรการภาษีศุลกากรส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกหยุดชะงักอย่างรุนแรง และกระทบต่อบริษัทอื่นๆ นอกเหนือจากจีนและอเมริกันอย่างหนัก

นอกจากนั้น เมื่อวันพุธ กลุ่มอุตสาหกรรมกว่า 60 กลุ่มของอเมริกายังจัดตั้งแนวร่วม “อเมริกัน ฟอร์ ฟรี เทรด” เพื่อโน้มน้าวให้สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯลุกขึ้นมาคัดค้านมาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ โดยในระยะแรกจะพุ่งเป้าที่ 5 รัฐซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการนี้ ได้แก่ โอไฮโอ เพนซิลเวเนีย อิลลินอยส์ อินดีแอนา และเทนเนสซี ก่อนขยายไปยังรัฐอื่นๆ ในช่วงปลายปี


กำลังโหลดความคิดเห็น