เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - รัสเซียเริ่มการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วันอังคารนี้ (11 ก.ย.) โดยมีทหารเข้าร่วมถึง 300,000 นาย รวมถึงกำลังพลจากจีน ยานยนต์ทางทหาร 36,000 คัน และเรือรบอีก 80 ลำ ด้านนาโตและผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่า นี่ไม่ใช่แค่การส่งสัญญาณเท่านั้น แต่เป็นการเตรียมพร้อมเข้าสู่สงครามโลกในอนาคต
การซ้อมรบของรัสเซีย ซึ่งจะมีกำลังพลจากจีนและมองโกเลียเข้าร่วมด้วยครั้งนี้ จะใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์โดยเริ่มต้นในวันอังคาร ทางตะวันออกของไซบีเรีย ด้วยชื่อรหัสว่า “วอสต็อก-2018” (ตะวันออก-2018)
กองทัพรัสเซียเปรียบเทียบปฏิบัติการนี้กับ “ซาปัด-81” (ตะวันตก-81) เป็นการซ้อมรบของสหภาพโซเวียตในปี 1981 ที่ประกอบด้วยทหารภายใต้กติกาสัญญาวอร์ซอ จำนวน100-000-150,000 คน และถือเป็นการซ้อมรบขนาดใหญ่ที่สุดในยุคโซเวียต
ทว่า เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ประกาศว่า การซ้อมรบครั้งนี้มีขนาดใหญ่กว่ามาก โดยมีทหาร 300,000 นาย, ยานยนต์ทางทหาร 36,000 คัน และเรือรบ 80 ลำเข้าร่วม
นอกจากนั้นกองทัพแดนหมีขาวจะเผยโฉมขีปนาวุธ “อิสกันดาร์” รุ่นล่าสุด ที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์, รถถังที-80 และที-90, รวมทั้งเครื่องบินขับไล่เอสยู-34 และเอสยู-35 ขณะที่ทางด้านเรือรบนั้น จะมีเรือฟรีเกตหลายลำติดตั้งขีปนาวุธ “คาลิบร์” ที่นำออกมาใช้ในซีเรีย
การซ้อมรบในพื้นที่ดังกล่าวครั้งก่อนหน้านี้คือ วอสต็อก-2014 มีขนาดแค่เกือบครึ่งหนึ่งของครั้งนี้ โดยมีทหารเข้าร่วม 155,000 นาย
ส่วนการซ้อมรบในยุโรปตะวันออกเมื่อปีที่แล้วคือ ซาปัด-2017 มอสโกระบุว่า มีทหารเข้าร่วมเพียง 12,700 นาย ทว่า ยูเครนและประเทศต่างๆ ในแถบบอลติกแย้งว่า ตัวเลขจริงสูงกว่านั้น
คาดหมายกันว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะเดินทางไปร่วมชมการซ้อมรบวอสต็อก-2018 หลังเสร็จสิ้นการเป็นเจ้าภาพการประชุมทางเศรษฐกิจที่เมืองวลาดิวอสต็อก ซึ่งมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเข้าร่วมด้วยในฐานะหนึ่งในอาคันตุกะคนสำคัญ
พาเวล เฟลเกนอาวเวอร์ นักวิเคราะห์ที่ติดตามเรื่องทางทหารของรัสเซีย ชี้ว่า การซ้อมรบครั้งนี้เป็นการเตรียมการสำหรับสงครามโลกในอนาคต โดยระบุว่า เสนาธิการใหญ่ของกองทัพรัสเซียเชื่อว่า ในปี 2020 อาจเกิดสงครามระดับโลกหรือความขัดแย้งรุนแรง ซึ่งศัตรูของรัสเซียก็คืออเมริกาและพันธมิตร
เฟลเกนอาวเวอร์สำทับว่า การเข้าร่วมของทหารจีนแม้ในจำนวนเพียง 3,200 นาย แต่ก็ถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการซ้อมรบนี้ และทิ้งท้ายว่า นี่ไม่ใช่แค่การส่งสัญญาณเท่านั้น แต่เป็นการเตรียมการสำหรับสงครามจริงๆ ที่มีขนาดใหญ่
ดีแลน ไวต์ โฆษกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เห็นด้วยกับมุมมองนี้โดยบอกว่า วอสต็อก-2018 สะท้อนว่า เครมลินกำลังโฟกัสที่การซ้อมรบเพื่อรับมือความขัดแย้งขนาดใหญ่ และสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คือ การที่รัสเซียเพิ่มงบกลาโหมขนาดใหญ่ รวมถึงการประจำการณ์ทางทหาร
ทว่า มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยืนยันว่า วอสต็อกอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ความรับผิดชอบของนาโต รวมทั้งไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติสมาชิกนาโตแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สัมพันธภาพแดนหมีขาวกับตะวันตกเสื่อมลงอย่างรุนแรงในปี 2014 หลังจากมอสโกเข้าผนวกดินแดนไครเมีย ตามมาด้วยความขัดแย้งในยูเครนตะวันออก นับจากนั้นรัสเซียเดินหน้าขยายปฏิบัติการซ้อมรบขนาดใหญ่ในคอเคซัส บอลติก และอาร์กติก
มอสโก ระบุว่าความเคลื่อนไหวของตนเป็นการตอบโต้รับมือนาโต ซึ่งพยายามขยายอิทธิพลเข้าสู่ยุโรปตะวันออกและอดีตสาธารณรัฐหลายแห่งของสหภาพโซเวียต อันเป็นการคุกคามความมั่นคงของตน
นอกจากนั้น รัสเซียยังเพิ่มกำลังทหารในซีเรียตั้งแต่ปี 2015เพื่อช่วยรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด จนสามารถพลิกฟื้นจากฐานะอันย่ำแย่ในสงครามกลางเมืองซึ่งสู้รบกับพวกกบฎซีเรียกลุ่มต่างๆ ที่หนุนหลังโดยสหรัฐฯและชาติตะวันตกอื่นๆ ตลอดจนพวกชาติพันธมิตรอาหรับของวอชิงตัน
สัปดาห์นี้ รัสเซียยังจัดการซ้อมรบในเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีเรือรบกว่า 25 ลำ และเครื่องบินราว 30 ลำเข้าร่วม
ขณะเดียวกัน ทหารยูเครน อเมริกัน และชาติสมาชิกอื่นๆ ของนาโตรวม 2,200 นาย ก็ร่วมซ้อมรบในยูเครนตะวันตกในช่วงต้นเดือนนี้
เดือนที่ผ่านมา โฆษกเครมลินแถลงว่า ความสามารถของรัสเซียในการป้องกันตนเองในสถานการณ์ระหว่างประเทศปัจจุบันที่มักก้าวร้าวและไม่เป็นมิตรต่อรัสเซียนั้น ถือเป็นสิ่งที่ชอบธรรมและปราศจากทางเลือกอื่น