เอเอฟพี - แจ็ค หม่า ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มอาลีบาบา (Alibaba) ประกาศจะวางมือจากธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในวันเกิดอายุครบ 54 ปี ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่ 10 ก.ย. นี้ โดยจะทุ่มเทเวลาที่เหลือให้กับงานการกุศลที่เน้นเรื่องการศึกษา
หม่า ซึ่งเป็นอดีตครูสอนภาษาอังกฤษเริ่มก่อตั้งอาลีบาบาขึ้นในปี 1999 และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นบริษัทการค้าออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลก ขณะที่ตัวเขาเองขึ้นแท่นมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในจีนและเป็นที่นับหน้าถือตาอย่างสูงในระดับนานาชาติ
ตัวเลขทรัพย์สินของ หม่า ขยับขึ้นไปพร้อมๆ กับการเติบโตของอาลีบาบา ซึ่งมีมูลค่าการตลาดอยู่ที่ 420,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามราคาหุ้นขณะปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (7)
ในบทสัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส หม่า ยอมรับว่ามีความตั้งใจที่จะวางมือจากธุรกิจอาลีบาบาตั้งแต่วันจันทร์ (10) ซึ่งเป็นวันเกิดอายุ 54 ปีของตนเอง และอยากให้มองการจากไปของตนว่าเป็น ‘จุดเริ่มต้นของยุคใหม่’ มากกว่าจุดจบ
หม่า มีแผนจะทุ่มเทชีวิตและทรัพย์สินของเขาหลังจากนี้เพื่องานด้านการศึกษา
หม่า ยังได้ให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กทีวีว่า เขาอยากจะเดินตามรอย ‘บิล เกตส์’ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีใจบุญที่สุดรายหนึ่งของโลก
“ผมเรียนรู้อะไรหลายอย่างจาก บิล เกตส์ ผมอาจร่ำรวยไม่ได้เท่าเขา แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจะทำได้ดีกว่าเขาก็คือ การเกษียณเร็วกว่า” หม่า กล่าว “ผมคิดว่าสักวันหนึ่ง ซึ่งอาจจะเร็วๆ นี้ ผมจะกลับไปสอนหนังสืออีกครั้ง”
หม่า เล่าว่า เขาได้เตรียมแผนงานการกุศลสำหรับมูลนิธิที่ตัวเองก่อตั้งขึ้นมานานถึง 10 ปีแล้ว
แจ็ค หม่า เป็นหนึ่งในบรรดานักธุรกิจรุ่นกลางที่ผันตัวเป็นมหาเศรษฐีพันล้านขณะที่จีนเข้าสู่ยุคดิจิทัล และทำให้ อาลีบาบา กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่โตและประสบความสำเร็จมากที่สุดของประเทศในชั่วระยะเวลาเพียง 10 ปีเศษ
อาลีบาบา, เทนเซ็นต์ (Tencent), ไป่ตู้ (Baidu) และ JD.com ถือเป็นกลุ่มธุรกิจออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของจีนที่เทียบได้กับ ‘เฟซบุ๊ก’ และ ‘กูเกิล’ ในสหรัฐอเมริกา
การเกษียณตัวเองของ หม่า ในวัยเพียง 54 ปีนับเป็นเรื่องที่แปลกพอสมควรตามบรรทัดฐานของจีน ซึ่งพวกนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะคุมอำนาจบริหารอาณาจักรของตนไปจนแก่เฒ่า ตัวอย่างเช่น ลี กาชิง (Li Ka-shing) มหาเศรษฐีชาวฮ่องกงที่เพิ่งจะยอมเกษียณอายุเมื่อเดือน พ.ค. ขณะมีอายุ 89 ปี