เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(28 ส.ค) ประธานาธิบดีบราซิล มิเชล เทมเมอร์ ลงนามคำสั่งส่งกองกำลังไปยังรัฐโรไรมา(Roraima) เพื่อปกป้องพรมแดนติดเวเนซุเอลารับมือวิกฤตคลื่นผู้อพยพชาวเวเนฯไหลเข้าประเทศ ในขณะที่เปรูประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ จากการที่ผู้อพยพเวเนฯหนีภัยเศรษฐกิจล่มเข้ามาสูงเป็นประวัติการเมื่อวานนี้
หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟ สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(29 ส.ค)ว่า ในบราซิลซึ่งประชาชนก่อจลาจลและเข้าทำร้ายผู้อพยพเวเนซุเอลาในเมืองใกล้พรมแดนเมื่อต้นเดือนนี้
ล่าสุดวันอังคาร(28) ประธานาธิบดีบราซิล มิเชล เทมเมอร์ ลงนามคำสั่งส่งกองกำลังไปยังรัฐโรไรมา(Roraima)ซึ่งอยู่เหนือสุดของประเทศและมีพรมแดนติดเวเนซุเอลาและกายอานา เพื่อทำการควบคุมให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย และผู้อพยพไม่ถูกทำร้าย
ในขณะเดียวกัน “เปรู” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีพรมแดนติดเวเนซุเอลาได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์เป็นเวลา 60 วันครอบคลุม 2 จังหวัดที่มีพรมแดนทางตอนเหนือ อ้างไปถึงวิกฤตขั้นร้ายแรงทางการแพทย์และอนามัย คำสั่งถูกตีพิมพ์เผยแพร่ทางประกาศราชการ สื่ออังกฤษชี้ว่า แต่ทว่าไม่พบว่าทางเปรูแจ้งในรายละเอียดถึงความเสี่ยง แต่ก่อนหน้า เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แสดงความกังวลถึงการแพร่ระบาด เช่น โรคหัด และไข้มาลาเรียจากกลุ่มผู้อพยพ
ซึ่งในสัปดาห์นี้สหประชาชาติได้ประกาศถึงวิกฤตพลเมืองเวเนฯอพยพเข้าไปยังประเทศในอเมริกาใต้เทียบได้กับวิกฤตผู้อพยพในภูมิภาคทะเลมิเตอร์เรเนียน โดยนับตั้งแต่ปี 2015 มีพลเมืองเวเนซุเอลาที่หนีภัยเศรษฐกิจออกนอกประเทศแล้วร่วม 1.6 ล้านคน อ้างอิงจากอัลญาซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ โดยร่วม 90% ของผู้เดินทางออกนอกประเทศตัดสินใจอพยพเข้าไปยังประเทศในแถบอเมริกาใต้
เดลีเทเลกราฟรายงานว่า ภายในเดือนนี้ เปรูและเอกวาดอร์เริ่มต้นบังคับใช้หนังสือเดินทางจากพลเมืองเวเนฯแทนการยื่นบัตรประชาชนเพียงอย่างเดียวก่อนหน้า โดยในเปรูที่เริ่มต้นใช้ระบบพาสปอร์ตในวันเสาร์(25)เป็นวันแรก พบว่ามีชาวเวเนฯเข้าประเทศลดลงมากกว่าครึ่ง เหลือแค่ 1,630 คนอ้างอิงจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเปรู
แต่กลับพบว่ามีจำนวนเพิ่มกว่าหลายร้อยคนเดินทางเข้าเปรูโดยไม่มีหนังสือเดินทางเพื่อขอสถานภาพลี้ภัยในประเทศ ซึ่งทางเปรูได้เริ่มเข้มงวดต่อเส้นตายสำหรับผู้อพยพชาวเวเนฯในการขอสถานภาพการเป็นผู้อาศัยชั่วคราว เพื่อที่จะสามารถทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย