เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - สำนักงานสว.แม็คเคนแถลงข่าวการเสียชีวิตของ สว.รัฐแอริโซนา 6 สมัย และผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2008 จอห์น แม็คเคน ในวัย 81 ปี เมื่อเวลา 16.28 น.เมื่อวานนี้(25 ส.ค) เกิดขึ้นหลังครอบครัวประกาศข่าววันศุกร์(24 ส.ค)ฮีโร่อเมริกันอดีตเชลยสงครามเวียดนามยุติการรักษาโรคมะเร็งสมอง GBM ชนิดร้ายแรง (Glioblastoma)
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(26 ส.ค)ว่า สวส. จอห์น แม็คเคน (John McCain) อดีตเชลยสงครามเวียดนาม อดีตผู้สมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2008 แข่งกับสว.บารัค โอบามาจากพรรคเดโมแครต และบุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจและเสียงคัดค้านในสภาสูงสหรัฐฯในสมัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสียชีวิตลงแล้วในบ่ายวันเสาร์(25 ส.ค) เวลา 16.28 น. หลังจากต้องต่อสู้โรคมะเร็งสมอง GBM ชนิดร้ายแรง (Glioblastoma)มาตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งมะเร็งชนิดนี้ได้คร่าชีวิต โบ ไบเดน(Beau Biden) บุตรชายของอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และอดีตสว.เท็ดดี เคนเนดี (Teddy Kennedy)
โดยสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นบอสตัน wcvb รายงานว่า แม็คเคนและเคนเนดีเสียชีวิตในวันเดียวกัน โดยเคนเนดีเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2009 เมื่อมีอายุได้ 77 ปี
ทั้งนี้แม็คเคนได้หายหน้าไปจากวอชิงตันมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แต่ยังคงเป็นปากเป็นเสียง และแสดงความเห็นคัดค้านในนโยบายทางความมั่นคงสหรัฐฯและโครงการโอบามาแคร์ต่อต้านทรัมป์จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต แม็คเคนซึ่งเป็นแกนนำพรรครีพับลิกันแต่กลับไม่เห็นด้วยที่ต้องยุบโครงการนี้ไป
สำนักงานสว.แม็คเคนแถลงข่าวการเสียชีวิตของแกนนำพรรครีพับลิกัน สว.รัฐแอริโซนา 6 สมัยมีเนื้อหาว่า
“วุฒิสมาชิก จอห์น ซิดนีย์ แม็คเคน ที่ 3 (John Sidney McCain III) เสียชีวิตลงในเวลา 16.28 น.เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2018 ซึ่งในขณะที่เสียชีวิต ท่านสว.ได้อยู่ร่วมกับภรรยา ซินดี(Cindy) และครอบครัว สำหรับการจากไปของท่าน ท่านได้รับใช้สหรัฐอเมริกามาอย่างซื่อสัตย์ร่วม 60 ปี”
โดยการจากไปของคู่แข่งทางการเมืองเมื่อปี 2008 อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้กล่าวไว้อาลัยถึงแม็คเคนซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและนักการเมืองอเมริกันผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคว่า ทั้งตัวเขาและคู่แข่งฮีโร่อเมริกันเสือเฒ่ารายนี้มีจุดยืนร่วมกัน..”ในความจงรักภักดีต่ออุดมคติ....ในสิ่งที่ชาวอเมริกันในทุกเจนเนอเรชันและกลุ่มอพยพเข้ามาใหม่ต้องการต่อสู้ มาร์ช และเสียสละ”
และโอบามายังเสริมต่อว่า “มีแค่ไม่กี่คนของพวกเราที่ต้องถูกทดสอบในสิ่งที่แม็คเคนได้ผ่าน หรือจำเป็นต้องแสดงความกล้าหาญในแบบที่เขาต้องเผชิญ แต่พวกเราทุกคนสามารถได้รับแรงบันดาลใจในความกล้าหาญต่อการที่นำคุณธรรมให้เหนือกว่าตัวเรา ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดของจอห์น(จอห์น แม็คเคน) เขาได้แสดงให้เห็นถึงความหมายนั้น และจากสิ่งนั้น พวกเราต่างเป็นหนี้เขาในจุดนี้”
สื่ออังกฤษชี้ว่า จากการที่แม็คเคนเสียชีวิตยิ่งจะทำให้พรรครีพับลิกันนั้นห่างไกลจากการมีจุดยืนร่วมและมีความร่วมมือกับพรรคเดโมแครตมากขึ้นทั้งในนโยบายในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2017 พบว่า แม็คเคนเป็น 1 ในกลุ่มสว.พรรครีพับลิกันที่แปรพักตรที่ประกาศโหวตคว่ำไม่รับร่างกฎหมายเสนอยกเลิกกฎหมายโอบามาแคร์ซึ่งถูกเสนอเข้าไปโดยพรรครีพับลิกันของเขาเอง ซึ่งในเดือนนี้เป็นเดือนที่มีข่าวออกมาว่าเขาได้รับการตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งสมอง โดย NBC NEWS ชี้ว่า การทำหน้าที่โหวตครั้งสุดท้ายของแม็คเคนเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2017 และอีกเช่นเคยเขาเป็น 1 ใน 6 สมาชิกสภาสูงพรรครีพับลิกันที่ไม่ยอมโหวตสนับสนุนร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวครอบคลุมระยะเวลา 2 สัปดาห์ โดยในครั้งนั้น แม็คเคนซึ่งเป็นอดีตเชลยสงครามถึงกับกล่าวว่า การอนุมัติจะทำให้ “กองทัพสหรัฐฯ” ตกอยู่ในอันตราย
และเป็นที่รู้กันว่าสว.แม็คเคนและประธานาธิบดีทรัมป์นั้นมีแนวทางการเมืองที่ขัดแย้งกัน CNN สื่อสหัฐฯรายงานถึงการจากไปของเขาว่า แม็คเคนเตรียมพร้อมและเตรียมใจสำหรับการเสียชีวิตของตัวเองและได้ช่วยวางแผนพิธีศพของตัวเอง
และพบว่าเขาได้เคยกล่าวกับคนสนิทซึ่งสื่อเอบีซีนิวส์รายงานเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาในคำสั่งเสียสุดท้ายว่า ***เขาไม่ต้องการให้ทรัมป์เดินทางมาร่วมพิธีศพของตัวเอง*** ซึ่งเมื่อครั้งที่อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ บาบารา บุช ที่เคยกล่าวตำหนิทรัมป์ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งปี 2016 ก็ไม่พบว่าผู้นำสหรัฐฯเดินทางมาร่วมงาน แต่ส่งเมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยาเข้าร่วมแทน
เดอะการ์เดียนชี้ว่า ในการแถลงของทรัมป์วันเสาร์(25) ถึงการเสียชีวิตของแม็คเคน ปฎิเสธที่จะเอ่ยถึงชื่อเขา หรือกล่าวชื่นชม ซึ่งทรัมป์และแม็คเคนเพิ่งปะทะอารมณ์ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลง ในการแถลงสั้นผ่านทางทวิตเตอร์ ทรัมป์กล่าวเพียงว่า “ผมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งและขอเคารพต่อการออกมาของครอบครัวแม็คเคน” และเสริมว่า “ทั้งหัวใจและการภาวนาของเราอยู่กับพวกคุณ!”
ทั้งนี้เป็นที่รู้กันว่าทรัมป์ไม่เคยแสดงความชื่นชมต่อแม็คเคนในฐานะเป็นอดีตนายทหารสหรัฐฯผู้ที่ตกเป็นเชลยสงครามโดยอ้างว่า เขาไม่ใช่วีรบุรุษสงครามเพราะเขาถูกจับกุมตัวได้ เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2015 ในระหว่างการกล่าวในงานซัมมิตความเป็นผู้นำครอบครัวที่รัฐไอโอวา ซึ่งในขณะนั้นยังอยู่ในช่วงระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งรอบไพรมารีของพรรค
ทั้งนี้แม็คเคนถูกจับกุมและตกเป็นเชลยสงครามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 1967 ในขณะที่เขากำลังขับเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่น A-4E Skyhawk สำหรับปฎิบัติการรอบที่ 23 เหนือเวียดนามเหนือ และถูกมิสไซล์ยิงตกที่เหนือกรุงฮานอย
และทรัมป์พบว่า ได้ยังเคยกล่าวเลยไปถึงการที่แม็คเคนไม่ได้เกิดในสหรัฐฯแต่เป็นปานามาเนื่องจากบิดาของแม็คเคนนั้นเป็นนายทหารเรือที่ต้องย้ายที่ประจำการตลอดเวลา ซึ่งถึงแม้ว่าแม็คเคนจะเป็นคู่แข่งกับโอบามาในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในสมัยแรกของโอบามา แต่ทว่าแม็คเคนเป็นคนออกมากล่าวปกป้องโอบามาในการที่เกิด เป็นพลเมืองสหรัฐฯ และเป็นชาวเคริสเตียน หลังจากถูกผู้สนับสนุนหญิงคนหนึ่งออกมากล่าวหาอ้างว่า โอบามาเป็นชาวอาหรับ
NBC NEWS รายงานว่า แม็คเคนเสียชีวิตก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 82 ปีในสัปดาห์หน้า โดยเขาเกิดเมื่อวันที่ 29 สิหาคม 1936 ที่ฐานทัพอากาศกองทัพเรือสหรัฐฯโคโค โซโล (Coco Solo Naval Air Station) ใน ปานามา
