เอเอฟพี - เหตุศาลอินโดนีเซียสั่งจำคุกสตรีชาวพุทธคนหนึ่ง ต่อกรณีที่คร่ำครวญเกี่ยวกับเสียงดังจากการละหมาดของมัสยิดแห่งหนึ่ง ได้กระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง และจุดประกายหนังสือร้องเรียนขอให้ปล่อยตัวเธอบนโลกออนไลน์ ซึ่งมีผู้ร่วมลงนามแล้วมากกว่า 100,000 รายชื่อ
กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆและองค์การศาสนาใหญ่ที่สุดของประเทศที่มีมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่ พร้อมใจกันประณามคำพิพากษาจำคุก 18 เดือน เมเลียนา วัย 44 ปี ชาวพุทธเชื้อสายจีน ในเมืองเมดาน บนเกาะสุมาตรา เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เมเลียนา ถูกพบว่ามีความผิดฐานดูหมิ่นศาสนาอิสลาม ต่อเหตุการณ์เมื่อปี 2016 ที่เธอขอให้มัสยิดที่อยู่ใกล้ๆบ้านลดเสียงลำโพงลง เพราะว่ามันดังเกินไปและทำให้เธอแสบแก้วหู
ศาลในเมืองเมดานบนเกาะสุมาตรา บอกว่าคำร้องเรียนของผู้หญิงคนดังกล่าวเมื่อ 2 ปีก่อน คือต้นเหตุให้เกิดการจลาจล ม็อบชาวมุสลิมที่ขุ่นเคืองพากันยกพวกปล้นสะดมวัดชาวพุทธหลายแห่ง ทั้งนี้ จากสถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าวทำให้ชาวบ้านเชื้อสายจีนบางส่วนในพื้นที่ต้องหลบหนีด้วยความหวั่นเกรงว่าจะถูกทำร้าย
ล่าสุดได้มีหนังสือร้องเรียนทางออนไลน์ถึงประธานาธิบดีโจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย เรียกร้องขอให้ปล่อยตัวผู้หญิงคนดังกล่าว ด้วยจนถึงช่วงเย็นวันศุกร์(24ส.ค.) มีผู้ร่วมลงชื่อแล้วมากกว่า 115,000 คน "จำคุก 18 เดือน โทษฐานที่ขอให้คนอื่นลดเสียงละหมาด? ไม่เอาน่า!" ผู้สนับสนุนคนหนึ่งเขียน
คำพิพากษาในวันอังคาร (21 ส.ค.) ดูเหมือนจะเป็นการเติมเชื้อความกังวลว่าแบรนด์มุสลิมสายกลางของอินโดนีเซียกำลังถูกคุกคามจากพวกสุดโต่งที่มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ
องค์การนิรโทษกรรมสากลประณามคำพิพากษาดังกล่าวว่า "น่าหัวเราะ" ส่วน นะห์ดาตุล อูลามะ องค์กรมุสลิมใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซียบอกว่าการคร่ำครวญเรื่องเสียงไม่เข้าองค์ประกอบดูหมิ่นศาสนา
"ผมไม่คิดว่ามันเป็นวาจาที่สร้างความเกลียดชังหรือแสดงความเป็นปรปักษ์กับกลุ่มๆหนึ่งหรือศาสนาหนึ่งๆ" โรบิกิน เอ็มฮาส หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและสิทธิมนุษยชนของกลุ่มนะห์ดาตุล อูลามะ กล่าวในถ้อยแถลงที่เผยแพร่บนเว็บไซต์
พวกนักวิจารณ์กฎหมายหมิ่นศาสนาของอินโดนีเซียบอกว่าบ่อยครั้งที่มันถูกใช้ในทางที่ผิดโดยมีเป้าหมายเล่นงานชนกลุ่มน้อยทางเชื้อชาติและศาสนา "เมเลียนา เป็นเหยื่อของความไม่อยุติธรรม" โบนาร์ ไทกอร์ ไนปอสปอส ประธานสถาบันวิจัยเพื่อประชาธิปไตยและสันติภาพบอกกับเอเอฟพี
อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ได้รับรองศาสนาที่ได้รับการคุ้มครองไว้ทั้งสิ้น 6 ศาสนา ได้แก่ อิสลาม, คริสต์นิกายคาทอลิก, คริสต์นิกายโปรเตสแตนท์, พุทธ, ฮินดู และขงจื๊อ ขณะเดียวกันก็มีกฎหมายรับรองสิทธิเสรีภาพการแสดงออก อย่างไรก็ตาม การวิพากษ์วิจารณ์ศาสนา โดยเฉพาะอิสลาม อาจลงเอยด้วยการติดคุก