เอเอฟพี - ผู้หญิงคนหนึ่งในอินโดนีเซีย ประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่ ถูกตัดสินจำคุก 18 เดือนในวันอังคาร(21ส.ค.) ต่อกรณีที่คร่ำครวญเกี่ยวกับเสียงดังจากการละหมาดของมัสยิดแห่งหนึ่ง คำพิพากษาภายใต้กฎหมายหมิ่นศาสนาอันเป็นที่ถกเถียง
เมเลียนา วัย 44 ปี ชาวพุทธเชื้อสายจีน ถูกพบว่ามีความผิดฐานดูหมิ่นศาสนาอิสลาม ต่อกรณีที่เธอไปร้องขอให้มัสยิดที่อยู่ใกล้ๆบ้านลดเสียงลำโพงลง เพราะว่ามันดังเกินไปและทำให้เธอแสบแก้วหู
คำพิพากษาในวันอังคาร(21ส.ค.) ดูเหมือนจะเป็นการเติมเชื้อความกังวลว่าแบรนด์มุสลิมสายกลางของอินโดนีเซียกำลังถูกคุกคามจากพวกสุดโต่งที่มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ
ศาลในเมืองเมดานบนเกาะสุมาตรา บอกว่าความเห็นของผู้หญิงคนดังกล่าวเมื่อ 2 ปีก่อน คือต้นเหตุให้เกิดการจลาจล ม็อบชาวมุสลิมที่ขุ่นเคืองพากันยกพวกปล้นสะดมวัดชาวพุทธหลายแห่ง ทั้งนี้จากสถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านเชื้อสายจีนบางส่วนในพื้นที่ ต้องหลบหนีด้วยความหวั่นเกรงว่าจะถูกทำร้าย
ทนายความจำเลยบอกว่าลูกความของเขาจะอุทธรณ์คำตัดสิน ขณะที่องค์การนิรโทษกรรมสากล เรียกร้องให้ศาลสูงเพิกถอนบทลงโทษดังกล่าว "มันเป็นคำตัดสินที่น่าขันที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง" อุสมาน ฮามิด กรรมการบริหารขององค์การนิรโทษกรรมสากลประจำอินโดนีเซียระบุในถ้อยแถลง
"การลงโทษจำคุกใครบางคน 18 เดือน สำหรับบางเรื่องที่เล็กน้อยมาก คือตัวอย่างที่โจ่งแจ้งเกี่ยวกับการใช้กฎหมายดูหมิ่นศาสนาอย่างตามอำเภอใจและปราบปรามฝ่ายเห็นต่างมากขึ้นเรื่อยๆในประเทศแห่งนี้"
อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ได้รับรองศาสนาที่ได้รับการคุ้มครองไว้ทั้งสิ้น 6 ศาสนา ได้แก่ อิสลาม, คริสต์นิกายคาทอลิก, คริสต์นิกายโปรเตสแตนท์,พุทธ, ฮินดู และขงจื๊อ ขณะเดียวกันก็มีกฎหมายรับรองสิทธิเสรีภาพการแสดงออก
อย่างไรก็ตามการวิพากษ์วิจารณ์ศาสนา โดยเฉพาะอิสลาม อาจจบลงด้วยการติดคุก ทั้งนี้กลุ่มสิทธมนุษยชนต่างๆรณรงค์มาช้านานต่อต้านกฏหมายหมิ่นอิสลามของอินโดนีเซีย โดยพวกเขาอ้างว่าบ่อยครั้งมันถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดและเป้าหมายส่วนใหญ่คือชนกลุ่มน้อยต่างๆ