เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(20 ส.ค) กรีซประสบความสำเร็จสิ้นสุดโครงการความช่วยเหลือแพ็กเกจทางเศรษฐกิจจากสหภาพยุโรปเป็นระยะเวลา 3 ปีมูลค่า 61.9 พันล้านยูโร หรือ 70.8 พันล้านดอลลาร์ อย่างเป็นทางการ หลังจากประชาชนกรีกต้องทนขมขื่นจากมาตรการรัดเข็มขัดที่เอเธนส์นำมาใช้เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือ
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(20 ส.ค)ว่า ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจที่เพิ่งสิ้นสุดลงไปในวันจันทร์(20)นั้นเป็นส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือเศรษฐกิจระหว่างประเทศครั้งใหญ่ที่วุดในประวัติศาสตร์ที่กรีซได้รับโดยรวมด้วยตัวเลข 289 พันล้านยูโรที่เอเธนส์ต้องใช้เวลาหลายสิบปีจึงจะชำระคืนได้ทั้งหมด
แต่ทว่ามาตรการรัดเข็มขัดที่เห็นการลดงบประมาณความช่วยเหลือทางสังคมของเอเธนส์จะยังคงต้องเดินหน้าต่อไป แต่ทว่าจากการที่เอเธนส์สามารถหลุดออกมาจากโครงการความช่วยเหลือแพ็กเกจทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรประยะเวลา 3 ปีมูลค่า61.9 พันล้านยูโร หรือ 70.8 พันล้านดอลลาร์นั้นจะทำให้ “เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีของการเกิดวิกฤต” ที่ทางเอเธนส์สามารถกู้ยืมอัตราดอกเบี้ยตลาดได้
สื่ออังกฤษชี้ว่า สภาพเศรษฐกิจของกรีซมีการเติบโตช้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และพบว่า มีขนาดเล็กกว่า 25% จากเมื่อครั้งช่วงเวลาเริ่มเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กรีซจะได้รับการปฎิบัติเยี่ยงประเทศสมาชิกในเขตยูโรโซนอื่น” กรรมาธิการยุโรปด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เทียบเท่ารัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของยุโรป) ปิแอร์ มอสโควิซี (Pierre Moscovici) แถลงในวันจันทร์(20)
และแถลงชื่นชมในความสำเร็จของเอเธนส์ว่า “การปฎิรูปที่ทางเอเธนส์ได้ทำได้วางรากฐานสำหรับการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน” แต่อย่างไรก็ตาม เขาได้เตือนว่า การฟื้นตัวนั้นไม่ใช่เป็นปรากฎการณ์แต่เป็น “กระบวนการ”
ทั้งนี้อ้างอิงจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ IMF พบว่า มีเพียงแค่ 4 ประเทศในโลกที่มีเศรษฐกิจหดตัวมากกว่ากรีซในรอบ 10 ปีล่าสุดคือ เยเมน ลิเบีย เวเนซุเอลา และอิเควทอเรียลกินี ( Equatorial Guinea)
บีบีซีชี้ว่า เงินความช่วยเหลือล่าสุดจำนวน 61.9 พันล้านยูโรได้รับการเสนอจากองค์การระบบเครื่องมือเพื่อความเสถียรภาพยุโรป ESM (European Stability Mechanism ) ในการสนับสนุนรัฐบาลเอเธนส์เพื่อการปฎิรูปเศรษฐกิจและปรับปรุงระบบการธนาคาร
โดยในช่วงวิกฤตสูงสุดของกรีซ พบว่าได้ความสงสัยไปทั่วว่าเขตเศรษฐกิจยูโรโซนนั้นจะสามารถยังคงอยู่ต่อไปได้หรือไม่ เพราะมีความเป็นไปได้อย่างสูงที่กรีซหรือประเทศอื่นๆอาจต้องเลิกใช้สกุลเงินยูโร ซึ่งมีค่าต่ำลงกว่าดอลลาร์สหรัฐฯนับตั้งแต่ปี 2006 และเกรงว่า วิกฤตหนี้กรีซจะบ่อนทำลายการฟื้นตัวของยุโรปจากวิกฤตทางการเงินโลกที่เกิดเมื่อปี 2008
การเข้ามาช่วยเหลือกรีซเริ่มต้นขึ้นในปี 2010 เมื่อทางสหภาพยุโรปจับมือกับ IMF ให้เงินช่วยเหลือเอเธนส์รอบแรกสุดจำนวน 20 พันล้านยูโร
ทั้งนี้ ESM ที่ถูกก่อตั้งโดยชาติสมาชิกสหภาพยุโรป พบว่าทาง ESM ได้เตรียมให้ความช่วยเหลือกรีซเพิ่มเติมอีก 27 พันล้านดอลลาร์ แต่กล่าวว่า ทางกรีซไม่จำเป็นต้องเรียกร้องเงินจำนวนนี้
โดยประธาน ESM มาริโอ เซนติโน (Mario Centeno) ได้ประกาศว่า “กรีซสามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเองแล้ว”
ซึ่งมีการคำนวนว่า ในขณะที่เศรษฐกิจของกรีซคงตัว หนี้สินรวมของกรีซนั้นพบว่ามีราว 180% ของGDP
และภายใต้ข้อตกลงกับชาติสมาชิกยุโรปอื่นๆเมื่อเดือนมิถุนายน พบว่า เอเธนส์ถูกกำหนดให้ต้องควบคุมการใช้จ่ายสาธารณะอย่างเข้มงวด ทำงบประมาณแบบเกินดุลก่อนการจ่ายดอกเบี้ยอย่างน้อย 2.2% ของ GDP ไปจนกระทั่งในปี 2060
