รอยเตอร์ – รัฐสภามาเลเซียยกเลิกกฎหมายต่อต้านข่าวปลอมที่รัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค เริ่มประกาศใช้ในปีนี้
เมื่อเดือนเมษายนรัฐบาลของนาจิบได้ใช้เสียงส่วนใหญ่ผ่านกฎหมายต่อต้านข่าวปลอมปี 2018 ซึ่งกำหนดโทษปรับสูงสุด 500,000 ริงกิตและจำคุกสูงสุด 6 ปี
นักวิจารณ์ประณามกฎหมายดังกล่าวว่าเป็นการกดขี่ข่มเหง และกล่าวหานาจิบว่าพยายามจำกัดเสรีภาพในการพูดก่อนการเลือกตั้งใหญ่ในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่รัฐบาลของเขาพยายามขจัดเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับข้อกล่าวหาทุจริตและการบริหารที่ผิดพลาด
นาจิบพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนั้นให้กับกลุ่มพันมิตรฝ่ายค้านที่นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด ซึ่งรับปากว่าจะยกเลิกกฎหมายนี้
รัฐสภาอภิปรายญัตติเพิกถอนกฎหมายดังกล่าวเป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนที่จะผ่านญัตตินี้ด้วยเสียงส่วนใหญ่
กลุ่มสิทธิยินดีกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว เทดดี บากุลัต สมาชิกรัฐสภาอาเซียนด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวในถ้อยแถลงว่า “นี่เป็นกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อกลบเสียงวิจารณ์ต่อทางการและระงับการถกเถียงในสังคม มันไม่ควรถูกรับรองตั้งแต่แรกแล้ว”
คำว่า “ข่าวปลอม” ที่เคยถูกใช้โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กลายเป็นส่วนหนึ่งในวาทกรรมที่บรรดาผู้นำในประเทศแบบอำนาจนิยมใช้เพื่ออธิบายรายงานข่าวและคำวิจารณ์ขององค์กรต่างๆ เกี่ยวกับพวกเขา
มาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ใช้กฎหมายต่อต้านข่าวปลอม ถึงแม้ว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ รวมถึง สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ จะระบุว่า พวกเขาก็กำลังพิจารณาวิธีจัดการกับ “ข่าวปลอม” เช่นกัน
เมื่อปีที่แล้ว เยอรมนีอนุมัติแผนปรับเงินบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ หากพวกเขาล้มเหลวในการลบโพสต์ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
มหาเธร์เองก็ถูกกล่าวหาเรื่องข่าวปลอมเช่นกัน หลังจากทางการระบุว่า พวกเขากำลังสืบสวนมหาเธร์เกี่ยวกับสิ่งที่ทางการระบุว่าเป็นคำกล่าวอ้างเท็จที่ว่า เครื่องบินของเขาถูกก่อวินาศกรรมก่อนการเลือกตั้ง ผู้นำคนอื่นๆ ที่ต่อต้านนาจิบก็ถูกตั้งข้อหาภายใต้กฎหมายนี้เช่นกัน