รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งเพิกถอนใบอนุญาตเข้าถึงข้อมูลชั้นความลับของ จอห์น เบรนแนน อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ในยุค บารัค โอบามา เมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) โดยอ้างว่าอีกฝ่ายพูดกล่าวหารัฐบาลของตนเสียๆ หายๆ อย่างไม่มีมูลมาแล้วหลายครั้ง
ทรัมป์ ได้ออกคำแถลงผ่านทางโฆษกทำเนียบขาว ซาราห์ แซนเดอร์ส แถมยังขู่อีกว่าจะพิจารณาถอดใบอนุญาตเข้าถึงชั้นความลับอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกรายที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ตน
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่ เบรนแนน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการซีไอเอในยุคของอดีตประธานาธิบดี โอบามา ได้ออกมาตำหนิ ทรัมป์ กรณีทวีตข้อความหยาบคายใส่ ‘โอมาโรซา แมนิโกลต์ นิวแมน’ อดีตผู้ช่วยทำเนียบขาวซึ่งเขียนหนังสือเปิดโปงเรื่องแย่ๆ ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
“แปลกใจจริงๆ ที่คุณสอบตกมาตรฐานขั้นต่ำของสมบัติผู้ดี มารยาท และความซื่อสัตย์จริงใจได้บ่อยขนาดนี้ ดูเหมือนคุณจะไม่มีวันเข้าใจว่าการเป็นประธานาธิบดีคืออะไร และคงไม่ทราบด้วยว่าการจะเป็นคนดี มีศีลธรรม และซื่อสัตย์นั้นต้องทำอะไรบ้าง ช่างน่าผิดหวังและอันตรายเหลือเกินสำหรับประเทศชาติของเรา” เบรนแนน ทวีตข้อความ
ผู้นำสหรัฐฯ แถลงว่า อดีตผอ.ซีไอเอรายนี้ “แสดงความคิดเห็นบ้าๆ บอๆ” และจงใจ “ก่อความแตกแยกและความวุ่นวาย” โดยไม่ได้ระบุเจาะจงลงไปว่าหมายถึงข้อความไหนของ เบรนแนน
“เมื่อไม่นานนี้ คุณเบรนแนนได้ใช้สถานะอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลลับได้ออกมาพูดกล่าวหารัฐบาลชุดนี้อย่างเสียๆ หายๆ โดยปราศจากหลักฐานมาแล้วหลายครั้ง ทั้งทางอินเทอร์เน็ตและสื่อโทรทัศน์” ทรัมป์ ระบุ
ทางด้าน เบรนแนน ก็ประกาศว่าจะไม่หยุดเพียงแค่นี้
“นี่คือส่วนหนึ่งในความพยายามอย่างกว้างขวางของคุณ ทรัมป์ ที่จะปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และลงโทษนักวิจารณ์ ชาวอเมริกันทุกคนรวมถึงผู้ที่ประกอบวิชาชีพข่าวกรองอาจมีความกังวลใหญ่หลวงหากจะออกมาพูดอะไรหลังจากนี้ แต่หลักการของผมมันมีค่ามากกว่าใบอนุญาตใดๆ ผมจะไม่ถอย”
ทรัมป์ ยังฝากคำขู่ไปถึงอดีตเจ้าหน้าที่ซึ่งชอบจิกกัดรัฐบาลอีกหลายคนว่าอาจจะโดนไม่ต่างกับ เบรนแนน ในจำนวนนี้รวมถึง เจมส์ แคลปเปอร์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ, เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ), ซูซาน ไรซ์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของโอบามา, ไมเคิล เฮย์เดน อดีตผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ และ แซลลี เยตส์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม
สมาชิกพรรครีพับลิกันมีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้แตกต่างกันไป บ้างก็วิจารณ์ว่า ทรัมป์ ทำไม่ถูกต้อง ขณะที่บางคนก็เห็นว่า เบรนแนน ทำตัวไม่เหมาะสมที่ออกมาตำหนิประธานาธิบดีรุนแรงขนาดนี้
บ็อบ คอร์เกอร์ ส.ว.รีพับลิกัน เอ่ยถึงคำสั่งของ ทรัมป์ ว่า “ผมไม่ชอบเลยจริงๆ... มันให้ความรู้สึกเหมือนเรากลายเป็นสาธารณรัฐกล้วย (banana republic) อะไรทำนองนั้น”
เบรนแนน ออกมาให้สัมภาษณ์ช่องทีวีเคเบิลอยู่บ่อยๆ และมักจะทวีตข้อความวิพากษ์วิจารณ์จุดยืนด้านต่างประเทศของ ทรัมป์ อยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ ทรัมป์ เดินทางไปประชุมซัมมิตกับ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียที่กรุงเฮลซิงกิเมื่อเดือนที่แล้ว และออกมากล่าวในทำนองเชื่อถือคำพูดของ ปูติน ว่ามอสโกไม่ได้แทรกแซงศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ทั้งที่ประชาคมข่าวกรองอเมริกันสรุปแล้วว่าต้นเหตุเกิดจากรัสเซีย
เบรนแนน เคยทวีตข้อความว่า ทรัมป์ ควรถูกขับออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี (impeachment) เนื่องจากพฤติกรรมที่เฮลซิงกินั้น “เลวร้ายเกินกว่าอาชญากรรมระดับสูงและความผิดลหุโทษ” และ “ไม่น้อยไปกว่าการทรยศหักหลังชาติ”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนยังมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลชั้นความลับของรัฐบาลได้แม้จะพ้นตำแหน่งไปแล้วก็ตาม เพื่อที่จะสามารถให้คำแนะนำที่จำเป็นแก่ผู้ซึ่งมารับหน้าที่ต่อ