เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศวานนี้ (9 ส.ค.) ว่าจะยังรักษาองค์ความรู้เกี่ยวกับผลิตอาวุธทำลายล้างสูงเอาไว้ แม้จะให้สัญญาปลดอาวุธนิวเคลียร์แล้วก็ตาม
รี ยองโฮ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ได้ให้สัมภาษณ์สื่ออิหร่านระหว่างไปเยือนกรุงเตหะรานเมื่อวานนี้ (9) โดยระบุว่า แม้ผู้นำ คิม จองอึน และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงร่วมมือเพื่อนำไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี “แต่เราจะยังรักษาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์เอาไว้ เพราะรู้ดีว่ารัฐบาลอเมริกันจะไม่เลิกเป็นปฏิปักษ์กับเรา”
“การต่อรองกับอเมริกานั้นเป็นเรื่องยาก และเนื่องจากเป้าหมายของเราคือการทำให้คาบสมุทรเกาหลีทั้งหมดปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ รัฐบาลอเมริกันจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามพันธกรณีนี้ด้วย ทว่าพวกเขาปฏิเสธ” รี บอกกับสำนักข่าวเมห์ร
หลังเสร็จสิ้นการประชุมซัมมิตกับ ทรัมป์ ที่สิงคโปร์เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ผู้นำคิมก็ออกมารับปากอย่างกว้างๆ ว่าจะทำงานเพื่อมุ่งไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ส่วนจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างนั้นไม่ได้ระบุ ซึ่งห่างไกลจากสิ่งที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้โสมแดงล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์แบบ ตรวจสอบได้ และไม่อาจรื้อฟื้นกลับมาได้อีก
รี ยองโฮ เดินทางไปถึงกรุงเตหะรานในวันอังคาร (6 ส.ค.) พร้อมๆ กับที่สหรัฐฯ ประกาศรื้อฟื้นมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
อาลี ลาริจานี ประธานรัฐสภาอิหร่าน ได้กล่าวเตือน รี ว่า “ชาวอเมริกันมักจะเจรจาต่อรองด้วยคำพูดสวยหรู และรับปากว่าจะช่วยให้มีอนาคตที่สดใส แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เคยทำตามสัญญาสักข้อ”
ทรัมป์ ได้นำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากแผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม (Joint Comprehensive Plan of Action - JCPOA) หรือข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา และเริ่มรื้อฟื้นมาตรการคว่ำบาตรอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ระลอกในเดือน ส.ค. และ พ.ย. ตามลำดับ
อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี จีน และรัสเซีย ซึ่งเป็นอีก 5 ชาติที่ร่วม เจรจาทำข้อตกลงกับอิหร่านเมื่อ 3 ปีก่อน เห็นด้วยกับคณะผู้ตรวจสอบยูเอ็นว่าอิหร่านปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ แต่ ทรัมป์ ยังคงวิจารณ์ว่า JCPOA เป็น ‘ดีลสุดห่วย’ และต้องการทำข้อตกลงฉบับใหม่ที่ไม่เพียงยับยั้งกิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่านเท่านั้น แต่ต้องบีบให้เตหะรานหยุดแทรกแซงความขัดแย้งในภูมิภาค และเลิกพัฒนาขีปนาวุธด้วย