เอเอฟพี - รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศแผนเลิกใช้ถุงพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งภายในปีหน้า เพื่อลดปริมาณขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม
ห้างค้าปลีกต่างๆ จะมีเวลาปรับตัว 6 เดือนก่อนหยุดแจกถุงพลาสติกให้แก่ลูกค้าโดยสิ้นเชิง โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงสุด 100,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 2.2 ล้านบาท)
นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น ระบุว่า ชาวนิวซีแลนด์ใช้ถุงพลาสติกปีละ ‘หลายร้อยล้านใบ’ ซึ่งถุงเหล่านี้จะกลายเป็นขยะในทะเลที่คุกคามชีวิตสัตว์น้ำ
“เราต้องหาวิธีที่ชาญฉลาดในการจัดการขยะ และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี” เธอกล่าว
“เราจะทยอยลดถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และปกป้องชื่อเสียงของนิวซีแลนด์ในเรื่องความสะอาดและความเขียวขจี”
อาร์เดิร์น ชี้ว่า รัฐบาลผสมของเธอซึ่งมีพรรคกรีนรวมอยู่ด้วยกำลังเผชิญปัญหาท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมหลายอย่าง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ จึงต้องมีมาตรการลดขยะพลาสติกอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ปัญหาเหล่านี้ถูกส่งต่อไปถึงชนรุ่นหลัง
ถุงพลาสติกเป็นขยะที่พบมากที่สุดตามชายฝั่งทะเลของนิวซีแลนด์ และกลุ่มกรีนพีซได้ออกมาแถลงชื่นชมรัฐบาลกีวีที่ตัดสินใจแบนบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้
“นี่อาจเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของปัญหาขยะในมหาสมุทร และยังช่วยปกป้องสัตว์ทะเลจำพวกเต่าและวาฬให้รอดพ้นจากการแพร่กระจายของขยะพลาสติก” เอมิลี ฮันเตอร์ นักเคลื่อนไหวปกป้องมหาสมุทรจากกรีนพีซ ระบุ
องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยแพร่รายงานเมื่อเดือน มิ.ย. ซึ่งระบุว่า ทั่วโลกมีการใช้ถุงพลาสติกช้อปปิ้งถึง 5 ล้านล้านใบต่อปี หรือคิดเป็นราวๆ 10 ล้านใบต่อนาที
“ถ้านำมาผูกติดกัน ถุงพลาสติกเหล่านี้จะสามารถห่อพันโลกได้ถึง 7 รอบในทุกๆ ชั่วโมง” อีริค โซลไฮม์ ผู้อำนวยการโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ระบุ
รัฐบาลกว่า 60 ประเทศเริ่มออกกฎหมายห้ามหรือเรียกเก็บเงินจากการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง แต่ยูเอ็นชี้ว่าการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ มอบแรงจูงใจทางการเงินเพื่อให้ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม รวมถึงศึกษาวิจัยหาวัสดุทางเลือกอื่นๆ ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น