รอยเตอร์ - ศาลกรุงนิวเดลีมีคำสั่งยกเลิกกฎหมายเอาผิดการขอทานในเมืองหลวง หยิบยื่นชัยชนะให้แก่บรรดานักเคลื่อนไหวซึ่งชี้ว่ากฎหมายดังกล่าวกลายเป็นเครื่องมือกดขี่คุกคามคนไร้บ้านและคนยากจน
ศาลสูงนิวเดลีได้ประกาศคำตัดสินเมื่อวานนี้ (8 ส.ค.) ว่า บทบัญญัติหลายข้อของกฎหมายเอาผิดขอทาน ‘ขัดต่อรัฐธรรมนูญ’
“คนที่ไปนั่งขอทานอยู่ริมถนนนั้นใช่ว่าพวกเขาอยากทำ แต่จำเป็นต้องทำ เพราะการขอทานเป็นทางเลือกสุดท้ายที่พวกเขาจะยังชีพอยู่ได้” หัวหน้าคณะผู้พิพากษา คีตา มิตตาล และผู้พิพากษา ฮารี ชันการ์ ระบุในคำสั่งศาลความยาว 23 หน้ากระดาษ
“การเอาผิดขอทานนั้นเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และยังละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดในสังคม”
อินเดียยังไม่มีกฎหมายส่วนกลางที่ห้ามการขอทาน แต่รัฐบาลท้องถิ่นใน 20 รัฐยังคงบังคับใช้กฎหมาย Bombay Prevention of Begging Act ปี 1959 ซึ่งเอาผิดกับพวกขอทาน และกำหนดระวางโทษคุมขังใน ‘บ้านพักขอทาน’ ตั้งแต่ 3-10 ปี
นักสิทธิมนุษยชนร้องเรียนว่า กฎหมายดังกล่าวให้คำนิยาม ‘ขอทาน’ เอาไว้อย่างคลุมเครือ และเปิดโอกาสให้ตำรวจสามารถจับกุมใครก็ตามที่ยากจนหรือไม่มีบ้านอยู่ แม้แต่ชนเผ่าเร่ร่อน นักแสดงข้างถนน หรือแรงงานอพยพ
“กฎหมายเอาผิดขอทานเป็นหนึ่งในกฎหมายที่รังแกคนจนมากที่สุด ในประเทศซึ่งยังไม่มีระบบความคุ้มครองทางสังคม” ฮาร์ช มันเดอร์ นักเคลื่อนไหวซึ่งเป็นหัวหอกในการล้มกฎหมายฉบับนี้ ระบุ
“เรารู้สึกพอใจกับคำสั่งศาล และหวังว่ารัฐอื่นๆ จะปฏิบัติตามนี้เพื่อยุติการเอาผิดกับขอทานเสียที”
จากการทำสำมะโนประชากรเมื่อปี 2011 พบว่า กรุงนิวเดลีมีคนไร้บ้านอยู่มากถึง 46,724 คน ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนระบุว่าตัวเลขที่แท้จริงสูงกว่านี้ 3 เท่า
เนื่องจากสถานสงเคราะห์คนไร้บ้านมีไม่เพียงพอ คนส่วนใหญ่จึงต้องอาศัยนอนตามใต้สะพานหรือริมถนน ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกตำรวจรังแก
คำพิพากษาของศาลระบุด้วยว่า การมีขอทานอยู่แสดงให้เห็นว่าภาครัฐยังบกพร่องในการจัดหาบริการขั้นพื้นฐานให้แก่พลเมือง
“รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนพลเมืองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และต้องไม่ซ้ำเติมความทุกข์ยากของพวกเขาด้วยการจับกุม หน่วงเหนี่ยว หรือจำคุกคนที่ร้องขอปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต”
อย่างไรก็ตาม ศาลยังให้คงกฎหมายลงโทษผู้ที่จ้างหรือบังคับบุคคลอื่นให้มาเป็นขอทาน
นักเคลื่อนไหวชี้ว่า มีเด็กๆ หลายหมื่นคนทั่วอินเดียถูกแก๊งค้ามนุษย์บังคับเสพยา ทุบตี และบังคับให้มานั่งขอทานเพื่อหาเงิน