เอเอฟพี/รอยเตอร์ - จีนในวันพุธ (8 ส.ค.) จะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ วงเงิน 16,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึงน้ำมันดิบและรถยนต์ ในการทำตามคำสัญญาที่เคยประกาศว่าจะตอบโต้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมของอเมริกา
ความเคลื่อนไหวนี้คือการตอบโต้ทางการค้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟันรอบล่าสุด ระหว่างสองชาติเศรษฐกิจใกญ่ที่สุดในโลกที่ทำตลาดโลกตกอยู่ในความหวาดหวั่น
ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของกระทรวงการคลังจีนระบุว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีของปักกิ่งจะมีผลบังคับใช้ในเวลา 12.01 น.ของวันที่ 23 สิงหาคม
ลิสต์รายชื่อสินค้าขั้นสุดท้ายที่ทางจีนแถลงออกมาในวันพุธ (8 ส.ค.)นั้น มีความแตกต่างจากร่างบัญชีสินค้าก่อนหน้านี้ที่เผยแพร่ในเดือนมิถุนายน ด้วยมีการเพิ่มลิสต์รายการสินค้าที่อยู่ในบัญชีรีดภาษีเป็น 333 รายการ จากเดิมของฉบับร่าง 114 รายการ ในนั้นรวมถึงน้ำมันดิบและรถยนต์ แม้ว่าในส่วนของมูลค่ารวมนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง
การดำเนินการดังกล่าวของจีนมีขึ้นเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ซึ่งในวันเดียวกันได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 16,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 สิงหาคมเช่นกัน
มาตรการเรียกเก็บภาษีครั้งนี้ถือเป็นงวดที่ 2 ของแผนรีดภาษีวงเงิน 50,000 ล้านดอลลาร์ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 6 กรกฏาคม เมื่อครั้งที่สหรัฐฯออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนล็อตแรกในอัตรา 25% วงเงิน 34,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกระพือการตอบโต้แบบหมัดต่อหมัดจากปักกิ่ง
วอชิงตันและปักกิ่งติดหล่มในศึกต่อสู้ทางการค้า หลังสหรัฐฯกล่าวหาภาคส่งออกจีนได้ประโยชน์จากนโยบายและการอุดหนุนที่ไม่ยุติธรรม และโดยเฉพาะจากการขโมยภูมิความรู้ทางเทคโนโลยีของอเมริกา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ คุยโม้ว่าจะชนะในสงครามการค้าอย่างง่ายดาย และเตือนว่าเขาจะรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเกือบทั้งหมด หากว่าปักกิ่งไม่ใช้ก้าวย่างต่างๆ ในการลดเกินดุลการค้าสหรัฐฯกว่า 335,000 ล้านดอลลาร์
จนถึงตอนนี้วอชิงตันวางกรอบเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมเอาไว้ที่วงเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์บอกว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีสินค้าเหล่านั้นเพิ่มเป็น 25% ไม่ใช่แค่ 10% ตามที่ประกาศก่อนหน้านี้
จีนเรียกร้องให้พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ใจเย็นลง แต่ก็เตือนว่าจะออกมาตรการตอบโต้ต่อการรีดภาษีใดๆเช่นกัน อย่างไรก็ตามด้วยอเมริกานำเข้าสินค้าจากจีนมากกว่าส่งออกไปยังแดนมังกร นั่นหมายความว่าพอถึงจุดหนึ่ง ปักกิ่งอาจต้องมองหาหนทางอื่นๆ ในการตอบโต้วอชิงตัน