รอยเตอร์ – สิงคโปร์จะสแกนดวงตาของนักเดินทางที่ด่านตรวจชายแดนบางแห่ง สื่อท้องถิ่น รายงานในวันนี้ (6) ในการทดสอบเทคโนโลยีราคาแพงที่อาจเข้ามาแทนที่การพิสูจน์ลายนิ้วมือสักวันหนึ่ง
นี่เป็นการริเริ่มใช้เทคโนโลยีขั้นสูงครั้งล่าสุดในนครรัฐแห่งนี้ ซึ่งบางส่วนทำให้เกิดความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวในหมู่ผู้สนับสนุนสิทธิเช่นกัน แต่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและความปลอดภัยในขณะที่ภัยคุกคามจากกลุ่มหัวรุนแรงในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น
เทคโนโลยีสแกนม่านตาซึ่งถูกใช้ในประเทศอื่นๆ อย่างสหรัฐฯและอังกฤษด้วยระดับความสำเร็จแตกต่างกัน มีราคาแพงกว่าระบบลายนิ้วมือกว่า 5 เท่า อ้างจากผู้เชี่ยวชาญ
“การทดสอบครั้งนี้จะช่วยเราพิจารณาว่าเราควรใช้เทคโนโลยีนี้ที่ด่านตรวจต่างๆ หรือไม่และอย่างไร” โฆษกหน่วยงานด่านตรวจคนเข้าเมือง (ไอซีเอ) กล่าวในหนังสือพิมพ์ สเตรท ไทมส์
เทคโนโลยีนี้จะถูกใช้ที่ด่านตรวจสองแห่งบริเวณชายแดนทางเหนือติดมาเลเซียและอีกแห่งหนึ่งที่อาคารผู้โดยสารเรือเฟอร์รีให้บริการไปยังหมู่เกาะอินโดนีเซียที่อยู่ใกล้ๆ สเตรท ไทมส์ รายงาน
เสตรทไทมส์ ระบุว่า การทดสอบจะมีผลกับพลเมืองสิงคโปร์และผู้อยู่อาศัยถาวรเท่านั้น และไอซีเอรวบรวมภาพม่านตามาตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้วเมื่อประชาชนเข้าขอทำบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง
หลังได้รับการติดต่อจากรอยเตอร์ ไอซีเอยืนยันความถูกต้องของรายงานดังกล่าวแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายละเอียดเพิ่มเติมของแผนการนี้
สนามบินชางกีที่ได้รับคำชื่นชมอย่างมากของสิงคโปร์กำลังพิจารณาใช้ระบบจดจำใบหน้าเพื่อค้นหาผู้โดยสารที่มาสาย และประเทศนี้ยังมีแผนที่จะใช้ระบบจดจำใบหน้ากับกล้องและเซ็นเซอร์บนเสาไฟถนนกว่า 100,000 ต้นด้วย
รัฐบาลของสิงคโปร์ ระบุว่า มาตรการเหล่านี้เป็นวิธีการเชิงปฏิบัติเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชน และรับปากว่าจะระมัดระวังเรื่องความเป็นส่วนตัว
ศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศแห่งนี้ ระบุว่า พวกเขาตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีก่อการร้ายมานานหลายปี บางส่วนมาจากประเทศมุสลิมเพื่อนบ้าน และว่า มันเป็นเรื่องของเวลาว่า กลุ่มติดอาวุธจะทำการโจมตีเมื่อไหร่ ไม่ใช่จะโจมตีหรือไม่