xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่งลั่นจะตอบโต้ไม่ยอมถูกรังแก หลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี25%สินค้าจีน$2แสนล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(แฟ้มภาพ) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ(ซ้าย) เมื่อครั้งพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน รอบนอกการประชุมจี-30 ในเยอรมนี เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฏาคม
รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - จีนประกาศลั่นในวันพุธ (1 ส.ค.) ว่า “การแบล็กเมล์” จะไม่ได้ผลอะไร และจะตอบโต้เอาคืนแน่นอน ถ้าสหรัฐฯเดินหน้าเพิ่มมาตรการกีดกั้นขัดขวางการค้าต่อไปอีก ทั้งนี้ปักกิ่งพูดเช่นนี้ภายหลังมีรายงานข่าวว่าในการพิจารณาขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้าเข้าของจีนระลอกใหม่ซึ่งจะมีมูลค่าถึง 200,000 ล้านดอลลาร์นั้น คณะบริหารทรัมป์มีท่าทีว่าจะจัดเก็บเพิ่มในอัตรา 25% รวด ไม่ใช่ 10% อย่างที่เคยพูดเอาไว้ในตอนแรก

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในที่ทราบเรื่องนี้รายหนึ่งเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (31 ก.ค.) ว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนเพิ่มอัตราภาษีที่จะเรียกจากสินค้านำเข้าของจีนรวมมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 25% จาก 10% ที่เคยแถลงไว้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมเช่นนี้ ก็เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้จีนยอมลดหย่อนอ่อนข้อในทางการค้า

โดยการขึ้นภาษีระลอกนี้จะครอบคลุมสินค้าเข้าของจีนทั้งพวกผลิตภัณฑ์อาหาร เคมีภัณฑ์ เหล็กกล้าและอลูมิเนียม และสินค้าอุปโภคบริโภคตั้งแต่อาหารสุนัข เฟอร์นิเจอร์ พรม ไปจนถึงยางรถยนต์ จักรยาน ถุงมือเบสบอล และเครื่องสำอาง

ถึงแม้มาตรการภาษีครั้งใหม่นี้จะยังไม่มีผลบังคับใช้ จนกว่าสหรัฐฯจะเสร็จสิ้นกระบวนการเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น และพิจารณากลั่นกรองแล้วเสียก่อน แต่จากการแสดงท่าทีจะเก็บภาษีในอัตราสูงขึ้นไปอีกเช่นนี้ ก็ทำให้ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก เพิ่มทวีความดุเดือดรุนแรง

แหล่งข่าวรายนี้บอกว่า คณะบริหารทรัมป์อาจประกาศมาตรการระลอกนี้ออกมาอย่างเร็วที่สุดในวันพุธ (1) ตามเวลาในวอชิงตัน

ทางด้านจีน เกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของแดนมังกร กล่าวในการแถลงข่าวตามปกติที่กรุงปักกิ่งวันพุธ (1) ว่า การกดดันและการแบล็กเมลขู่กรรโชกของอเมริกานั้นจะใช้ไม่ได้ผล และหากอเมริกาดำเนินมาตรการเพิ่มเติมที่ทำให้ความขัดแย้งลุกลาม จีนก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตอบโต้และปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของตนเองอย่างเด็ดเดี่ยว

เกิ่งยังตอบคำถามเกี่ยวกับการสื่อสารกับอเมริกาในประเด็นความขัดแย้งทางการค้าโดยบอกว่า จีนยึดมั่นในการใช้การเจรจาเพื่อจัดการความขัดแย้งทางการค้าเสมอ แต่การเจรจาต้องอิงกับหลักการเคารพซึ่งกันและกัน และความเท่าเทียม และสำทับว่า การข่มขู่และกดดันฝ่ายเดียวจะให้ผลตรงกันข้ามกับผลลัพธ์ที่ต้องการ

เวลานี้บรรดานักลงทุนต่างกลัวว่า สงครามการค้าที่เข้มข้นขึ้นระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั่วโลก ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่มีชื่อเสียงหลายแห่งของอเมริกา ได้ออกมาประณามมาตรการภาษีแข็งกร้าวของทรัมป์ ถึงแม้เบื่อหน่ายกับแนวทางปฏิบัติทางการค้าแบบพาณิชย์นิยมของจีนก็ตาม

สำนักข่าวบลูมเบิร์กยังรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวหลายคนว่า ผู้แทนของสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ มีการหารือเป็นการส่วนตัวกับผู้แทนของ รองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอของจีน เพื่อหาทางฟื้นการเจรจาและคลายชนวนสงครามการค้า

ด้านโฆษกหญิงของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอขึ้นภาษีสินค้าจีน รวมถึงประเด็นที่ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกำหนดเส้นตายสำหรับการเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นหรือไม่

ทั้งนี้ ต้นเดือนกรกฎาคม รัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่งเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% กับสินค้าจีนล็อตแรก 34,000 ล้านดอลลาร์ และปักกิ่งเอาคืนด้วยภาษีระดับเดียวกันและกับสินค้าอเมริกันมูลค่าเท่ากัน

ขณะนี้ วอชิงตันยังกำลังเตรียมการเพื่อบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีกับสินค้าจีนอีก 16,000 ล้านดอลลาร์ และทรัมป์เตือนว่า สุดท้ายอาจเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนรวมแล้วกว่าครึ่งล้านล้านดอลลาร์ หรือพอๆ กับมูลค่าของสินค้าจีนซึ่งเข้าสู่สหรัฐฯทั้งหมดเมื่อปีที่แล้ว

อิริน เอนนิส รองประธานอาวุโสสภาธุรกิจอเมริกา-จีน ครวญว่า ลำพังการขึ้นภาษี 10% ก็สร้างปัญหาในอเมริกาแล้ว แต่ถ้าขึ้นอีกกว่าสองเท่าเป็น 25% จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

เอนนิสยังบอกอีกว่า ขอบเขตผลิตภัณฑ์ ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมดกำลังจะเผชิญกับภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะถูกส่งต่อไปยังลูกค้าซึ่งก็คือคนอเมริกันนั่นเอง

ทว่า ทรัมป์ยืนกรานมาตลอดว่า การเรียกเก็บภาษีสินค้ามูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ เป็นการลงโทษที่จีนตอบโต้มาตรการภาษีของอเมริกาที่มีเป้าหมายในการทำให้จีนเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับโครงการร่วมทุน การถ่ายโอนเทคโนโลยี และนโยบายอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการค้า

ผู้นำสหรัฐฯ ยังขู่ออกมาตรการภาษีกับสินค้าจีนระลอกใหม่มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ขีดเส้นตายจะรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนครั้งสุดท้ายในวันที่ 20-23 เดือนนี้ ในเรื่องข้อเสนอเก็บภาษี 10% ที่จะยื่นดำเนินการในวันที่ 30 เดือนนี้ โดยที่ตามปกติแล้ว หลังจากปิดการรับฟังความคิดเห็นยังจะใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษี


กำลังโหลดความคิดเห็น