เอเอฟพี - ที่ปรึกษาของประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี แห่งอิหร่านเรียกร้องให้สหรัฐฯ ลดท่าทีก้าวร้าว และหวนกลับไปยอมรับข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำร่วมกันไว้เมื่อปี 2015 ก่อนที่จะเริ่มเจรจาลดความตึงเครียด
ฮามิด อาบูตอเลบี ที่ปรึกษาของผู้นำอิหร่าน ทวีตข้อความถึงรัฐบาลสหรัฐฯ ในวันนี้ (31 ก.ค.) ว่า “ความเคารพในชาติอิหร่านที่ยิ่งใหญ่ การลดท่าทีก้าวร้าว และการที่สหรัฐฯ ยอมกลับเข้าสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์ นี่คือสิ่งที่จะช่วยแผ้วถางหนทางที่ขรุขระอยู่ในขณะนี้”
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้เปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (30) ว่า ตนพร้อมที่จะพบกับผู้นำอิหร่าน “เมื่อไหร่ก็ได้” โดยไม่กำหนดเงื่อนไขเบื้องต้น
“ผมยินดีจะพบกับอิหร่านถ้าพวกเขาอยากเจอผม” ทรัมป์ กล่าว ทั้งที่เพิ่งจะเปิดสงครามน้ำลายใส่ประธานาธิบดี รูฮานี ไปหมาดๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน
อาบูตอเลบี ชี้ว่า รัฐบาลอิหร่านเคยแสดงความจริงใจที่จะเจรจากับสหรัฐฯ มาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ รูฮานี โทรศัพท์พูดคุยกับอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา เมื่อปี 2013
“การพูดคุยครั้งนั้นมาจากแนวคิดที่จะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน และข้อตกลงนิวเคลียร์ก็คือผลสัมฤทธิ์จากความพยายามดังกล่าว ซึ่งควรที่ทุกฝ่ายจะต้องยอมรับมัน” อาบูตอเลบี ระบุ
บาห์รัม ฆอเซมี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ระบุวานนี้ (30) ว่าโอกาสในการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันนั้น “เป็นไปไม่ได้เลย” โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่ ทรัมป์ จะยื่นข้อเสนอเจรจาแบบไร้เงื่อนไข
“มาตรการก้าวร้าวที่สหรัฐฯ มีต่ออิหร่านหลังจากถอนตัวออกจากแผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม (Joint Comprehensive Plan of Action - JCPOA) ทำให้การเจรจานั้นเป็นไปไม่ได้เลย และสหรัฐฯ ก็เผยให้เห็นธาตุแท้มากขึ้นทุกวันว่าพวกเขาเชื่อถือไม่ได้” ฆอเซมี ให้สัมภาษณ์
ทรัมป์ ได้นำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 หรือ JCPOA เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา และเตรียมรื้อฟื้นมาตรการคว่ำบาตรเตหะรานอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ระลอกในเดือน ส.ค. และ พ.ย. ตามลำดับ
ทรัมป์ ระบุว่าต้องการข้อตกลงฉบับใหม่ที่ไม่เพียงยับยั้งกิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่านเท่านั้น แต่ต้องบีบให้เตหะรานหยุดแทรกแซงความขัดแย้งในภูมิภาค และเลิกพัฒนาขีปนาวุธด้วย