เอเจนซีส์/เอพี – เช้าวันนี้(30 ก.ค)ประชาชนชาวซิมบับเวจำนวนหลายล้านคนรอคิวต่อแถวยาวหน้าคูหาเลือกก่อนเปิดเวลา 07.00 น. ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อดีตผู้นำเผด็จการ โรเบิร์ต มูกาเบ ถูกโค่นอำนาจลงเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ด้านอดีตผู้นำเผด็จการวัย 94 ปีให้สัมภาษณ์ในวันอาทิตย์(29 ก.ค) จะไม่ลงคะแนนให้กับพวกได้อำนาจมาอย่างผิดกฎหมาย
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(30 ก.ค)ว่า คูหาการเลือกตั้งทั่วไปในซิมบับเวเริ่มเปิดตั้งแต่เวลา 07.00 น. ของวันจันทร์(30) แต่กลับพบว่า ประชาชนชาวซิมบับเวเดินทางมาเข้าคิวแถวยาวที่บริเวณหน้าคูหาก่อนเวลาเปิดเสียอีก
ทินาเช มูซูโว (Tinashe Musuwo) วัย 20 ปี หนึ่งในผู้มีสิทธิ์กล่าวให้สัมภาษณ์หลังการหย่อนบัตรที่โรงเรียนประถมคูวาดซานา(Kuwadzana) นอกกรุงฮาราเร ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของการเมืองฝ่ายค้านว่า “ผมมีความเชื่อมั่นในแง่บวกมากเช้านี้ การเลือกตั้งครั้งนี้เสรี ทุกสิ่งจะเริ่มต้นดีหลังจากนี้”
สื่ออังกฤษชี้ว่า ผู้สมัครตัวเต็ง 2 คนในครั้งนี้คือ ประธานาธิบดีรักษาการซิมบับเว เอ็มเมอร์สัน มนังกากวา (Emmerson Mnangagwa) วัย 74 ปีที่ได้ร่วมกับพรรครัฐบาลและกองทัพซิมบับเว บังคับให้มูกาเบต้องลงจากอำนาจในปีที่ผ่านมา
ซึ่งนอกเหนือจากมนังกากวาจะเป็นผู้นำประเทศแล้ว เขายังดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรครัฐบาลซานู-พีเอฟ(Zanu-PF)อีกด้วย
ส่วนผู้ท้าชิงคือ เนลสัน คามิซา(Nelson Chamisa) ซึ่งเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้านซิมบับเว พรรคการเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางประชาธิปไตย MDC (the Movement for Democratic Change) ที่นอกจากจะเป็นนักกฎหมายในวัย 40 ปีแล้ว ยังเป็นสาธุคุณ ซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองเพียงเล็กน้อยจากการได้เคยร่วมเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลผสมของอดีตเผด็จการซิมบับเว โรเบิร์ต มูกาเบเมื่อหลายปีก่อนหน้า
สื่ออังกฤษชี้ว่า ผู้สมัครทั้งสองมีความแตกต่างทั้งด้านอายุ แนวคิด แนวทางการเมืองโดยสิ้นเชิง
ซิมบับเวที่ถูกมูกาเบปกครองมานานเกือบ 40 ปีตกอยู่ในสภาพฝันร้ายทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อย่างหนัก อัตราการว่างงานสูง ในขณะที่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานอยู่ในขั้นเสื่อมโทรม
ในขณะที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งอีกราย นยารี มูซาเบยานา(Nyari Musabeyana) ช่างทำผมวัย 30 ปีในคูวาดซานาได้แสดงความเห็นเช่นกันว่า เธอต้องการตื่นแต่เช้าเพื่อออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพื่อการเปลี่ยนแปลง “พวกเราหวังว่าทุกสิ่งจะดีในหมู่บ้านของเรา พวกเราไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีเศรษฐกิจ เป็นความผิดของรัฐบาลในอดีต”
ด้านพ่อค้าขายผักวัย 35 ปี วิสดอม มดิซา(Wisdom Mdiza) ประกาศว่า “เราต้องทำให้ทุกอย่างคงที่ และหลังจากนั้นจึงสามารถทำให้ดีขึ้นได้ พวกเรามีผู้นำที่ดีที่มีประสบการณ์ และนี่ดีกว่าคนหนุ่มเป็นอย่างมาก”
สื่ออังกฤษชี้ว่า สำนักงานโพลต่างๆออกมาให้ มนังกากวา ที่มีฉายาว่า “ไอ้เข้” มีคะแนนขึ้นนำคู่แข่ง คามิซา อยู่เล็กน้อย โดยผู้สนับสนุนในย่านใจกลางกรุงฮาราเรต่างชี้ว่า พรรคMDCไว้ใจไม่ได้ และเรียกคามิซาว่า “พวกโจรที่จะนำความโกลาหลเข้ามา”
ทั้งนี้ผู้นำพรรค MDC เนลสัน คามิซา ได้เคยออกมาประกาศระหว่างหาเสียงว่า ความโกลาหลจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากว่าพรรคของเขาถูกปฎิเสธในชัยชนะอย่างไม่ชอบธรรม
ซึ่งมีความวิตกลามไปทั่วในกลุ่มผู้สนับสนุนการเมืองฝ่ายค้านว่า รัฐบาลหรือกองทัพซิมบับเวจะไม่ยอมมอบอำนาจให้ หากว่าฝ่ายพรรคฝ่ายรัฐบาลพ่ายแพ้ โดยเอ็ดมอร์(Edmore)ผู้สนับสนุนของคามิซาวัย 52 ปีจากคูวาดซานาออกมายืนยันในเรื่องนี้ว่า “หากว่าชัยชนะของพวกเราถูกปล้น พวกเราพร้อมที่จะออกไปลงบนถนนอย่างแน่นอน”
ทั้งนี้ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งเปิดฉากขึ้น พบว่าอดีตผู้นำเผด็จการที่ถูกคนสนิท มนังกากวา รองประธานาธิบดีคนที่ 1 ในเวลานั้นหักหลังเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ได้ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะครั้งแรกในวันอาทิตย์(29) ที่กรุงฮาราเร
โดยมูกาเบที่ในปัจจุบันอายุได้ 94 ปีประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่า เขาจะไม่มีวันเลือกมนังกากวา อดีตคนสนิทของตัวเองที่ตัวเขาสั่งปลดออกเด็ดขาด “ผมจะไม่ลงคะแนนให้กับกลุ่มผู้ได้อำนาจอย่างผิดกฎหมาย” เอพีรายงาน
ซึ่งมูกาเบที่ยังมีความรู้สึกขมขื่นกับการถูกยึดอำนาจฟ้าผ่าท่ามกลางแรงกดดันจากกองทัพและพรรคซานู-พีเอฟของตัวเอง กล่าวยืนยันว่า เนลสัน คามิซา เป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวที่เด่นชัดในความรู้สึก
“ผมไม่สามารถออกเสียงให้กับคนที่ทรมานผมได้” อดีตประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบกล่าว โดยอ้างไปถึงมนังกากวาที่เข้าสู่อำนาจสูงสุดโดยได้รับการสนับสนุนจากกองทัพซิมบับเว และกล่าวยืนยันต่อว่า “ผมไม่สามารถลงคะแนนให้กับพรรคซานู-พีเอฟได้”
เอพีรายงานว่า ดูเหมือนว่ามูกาเบจะให้การสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ที่เป็นพันธมิตรในการสนับสนุนคามิซา
โดยมูกาเบกล่าวแสดงความเห็นกับนักข่าวว่า “ดูเหมือนว่าเขา(คามิซา)จะทำได้ดีในการหาเสียง...ซึ่งผมหวังว่าจะได้พบกับเขาหากว่าชนะ”
แต่อย่างไรก็ตามมูกาเบกล่าวทิ้งท้ายว่า “แต่ไม่ว่าใครชนะ เราหวังว่าเขาจะประสบความสำเร็จ..และเรายอมรับในคำตัดสินนั้น”