เอเจนซีส์ - ภาพถ่ายดาวเทียมเผย เกาหลีเหนือเริ่มทำลายสถานที่ทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า เป็นสัญญาณที่ดี ขณะที่บางคนยังไม่วางใจเพราะยังเป็นการรื้อถอนเพียงบางส่วน รวมทั้งเรียกร้องให้ค้นหาหลักฐานว่าโสมแดงแอบไปสร้างแห่งใหม่ๆ หรือไม่ กระนั้นก็ตาม ด้านเกาหลีใต้เผยเตรียมทดสอบการถอนกำลังและอาวุธบางส่วนออกจากเขตปลอดทหารบนแนวชายแดนเพื่อสร้างความมั่นใจกับเปียงยาง
เว็บไซต์ 38 นอร์ท ในอเมริกา ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือ แถลงเมื่อวันจันทร์ (23 ก.ค.) ว่า จากภาพถ่ายดาวเทียมเชิงพาณิชย์ระหว่างวันศุกร์ (20) จนถึงวันอาทิตย์ (22) ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือเริ่มรื้อถอนทำลายอาคารแปรรูปและสถานที่ทดสอบเครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงเหลว ในสถานีปล่อยดาวเทียมโซแฮแล้ว
โซแฮที่อยู่บริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาหลีเหนือ เป็นสถานที่ซึ่งโสมแดงอ้างว่าออกแบบมาสำหรับการปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร แต่จริงๆ แล้วสามารถปรับเป็นการทดสอบขีปนาวุธได้อย่างง่ายดาย โดยนานาชาติกล่าวหาว่า โครงการอวกาศของเปียงยางเป็นโครงการบังหน้า และที่นี่เป็นสถานที่ทดสอบเครื่องยนต์ขีปนาวุธ
โจเซฟ เบอร์มิวเดซ นักวิเคราะห์ของ 38 นอร์ท ชี้ว่า การดำเนินการรื้อถอนทำลายเช่นนี้ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญของคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างการประชุมสุดยอดที่สิงคโปร์เมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากโซแฮมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงการขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ของโสมแดง
ทั้งนี้ ระหว่างอยู่ที่สิงคโปร์ ทรัมป์ได้เผยว่า คิมให้คำมั่นในการทำลายสถานที่ทดสอบขีปนาวุธแห่งสำคัญ แต่ไม่ให้รายละเอียดว่า เป็นที่ใด
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้เผยว่า โซลตรวจพบกิจกรรมการรื้อทำลายที่โซแฮเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ระบุว่า เกาหลีเหนือกำลังทำอะไรอยู่
รายงานความเคลื่อนไหวของโสมแดงนี้ ออกมาในขณะที่กำลังมีเสียงวิจารณ์มากขึ้นว่าไร้ความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในการทำลายอาวุธร้ายแรงของเกาหลีเหนือ
สัปดาห์ที่แล้ว วอชิงตันยังส่งสัญญาณว่าใกล้หมดความอดทนกับการเตะถ่วงของโสมแดง โดยไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ เรียกร้องให้ชาติสมาชิกสหประชาชาติ คงมาตรการแซงก์ชันขั้นรุนแรงเพื่อกดดันให้คิมเดินหน้าปลดนุก ถึงแม้ จีนและรัสเซียแสดงความเห็นว่า ควรให้รางวัลตอบแทนเกาหลีเหนือที่ยอมเจรจากับอเมริกาและระงับการทดสอบขีปนาวุธด้วยการผ่อนคลายมาตรการแซงก์ชัน
สำหรับตัวทรัมป์เองนั้น ในสัปดาห์ที่แล้ว ได้กล่าวเหมือนยอมรับสภาพกลายๆ ว่า ไม่รีบและไม่มีกรอบเวลาในการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์
กระนั้น รายงานจากหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่า แม้ทรัมป์ประเมินแง่ดีเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ แต่อดไม่ได้ที่จะระบายความไม่พอใจกับเหล่าผู้ช่วยเนื่องจากไม่มีความคืบหน้าชัดเจนให้เห็น
รายงานข่าวนี้ทำให้ทรัมป์ออกมาด่าทอว่า นี่เป็น “ข่าวปลอม” พร้อมยืนยันว่า เขา “พอใจมาก” กับความคืบหน้าในการเจรจากับคิม และบอกว่า เกาหลีเหนือไม่ยิงจรวดมา 9 เดือนแล้ว รวมทั้งญี่ปุ่นและเอเชียต่างยินดีที่ไม่มีการทดสอบนิวเคลียร์อีก
นอกจาก เบอร์มิวเดซ นักวิเคราะห์ของ 38 นอร์ท ยังมีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ เป็นต้นว่า นัม กวาน-พโย รองผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ กล่าวเมื่อวันอังคาร (24) ว่า การรื้อถอนทำลายของโสมแดงนี้ เป็นสัญญาณที่ดีกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย และเชื่อว่า เกาหลีเหนือกำลังดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์
กร้ะน ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังติงว่า ไม่ควรให้ความสำคัญเกินไปกับความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเปียงยาง
เมลิสซา แฮนแฮม ผู้ช่วยนักวิจัยอาวุโสของศูนย์เจมส์ มาร์ตินเพื่อการศึกษาการงดการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ในเมืองมอนเทอเรย์ สหรัฐฯ ท้วงว่า แม้การทำลายสถานที่ทดสอบเครื่องยนต์จรวดเป็นความเคลื่อนไหวที่ดี แต่ถือว่า เล็กน้อยที่สุดเมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่ยังสามารถทำได้ในสถานที่ดังกล่าว และดังนั้นโซแฮยังคงเป็นสถานที่หลักในการปล่อยจรวดหรือดาวเทียม เว้นแต่เกาหลีเหนือจะทำลายศูนย์แห่งนั้นทั้งหมด
แฮนแฮมสำทับว่า เกาหลีเหนืออาจไม่จำเป็นต้องทดสอบเครื่องยนต์จรวดที่โซแฮอีกต่อไป เพราะผ่านขั้นตอนการทดสอบและก้าวหน้าถึงขั้นการผลิตจำนวนมากแล้วตามที่คิมประกาศไว้ พร้อมกันนี้เธอยังเรียกร้องให้ผู้สังเกตการณ์ค้นหาเบาะแสสถานที่ผลิตขีปนาวุธแห่งใหม่
เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ผู้หนึ่งขานรับว่า โซแฮไม่ใช่เป้าหมายหลักในการติดตามความพยายามปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเปียงยาง
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันอังคาร (24) กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แถลงว่า กำลังพิจารณาทดสอบถอนกำลังและอาวุธบางส่วนออกจากเขตปลอดทหาร (ดีเอ็มแซด) ที่เป็นแนวกั้นระหว่างชายแดนของเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นภายหลังการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีมุน แจอินกับคิมเมื่อเดือนเมษายน ที่ผู้นำทั้งคู่ตกลงยุติการเป็นปรปักษ์และเปลี่ยนพรมแดนเป็น “เขตสันติภาพ”
นอกจากนั้น เกาหลีใต้ยังพิจารณาโครงการความร่วมมือกับเกาหลีเหนือและอเมริกาเพื่อขุดค้นหาซากผู้เสียชีวิตในสงครามเกาหลีที่ถูกฝังอยู่ในดีเอ็มแซด รวมทั้งทบทวนแผนลดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและอาวุธปืนในเขตรักษาความปลอดภัยร่วม (เจเอสเอ) รอบๆ หมู่บ้านปันมุนจอม