เอเอฟพี – มาเลเซียจะยกเลิกกฎหมายความมั่นคงที่ถูกใช้เพื่อคุมขังผู้วิจารณ์รัฐบาลโดยไม่มีการตั้งข้อหาภายใต้รัฐบาลชุดที่แล้ว นายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด ระบุ ขณะที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวชื่นชมว่าเป็น คำประกาศอันกล้าหาญ
นี่คือคำมั่นล่าสุดของกลุ่มผู้นำสายปฏิรูปชุดใหม่ของประเทศนี้ที่จะยกเลิกกฎหมายกดขี่ข่มเหงที่ออกโดยอดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ซึ่งรัฐบาลที่ครองอำนาจมานานของเขาถูกโค่นล้มในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม
กลุ่มนักเคลื่อนไหวโปรประชาธิปไตยชั้นแนวหน้าเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มผู้ที่ถูกจับกุมด้วยกฎหมายความผิดด้านความมั่นคง Security Offences (Special Measures) Act หรือ SOMA ซึ่งถูกนำมาใช้ในปี 2012 เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามความมั่นคงจากกลุ่มหัวรุนแรง
กฎหมายนี้อนุญาตให้คุมขังผู้ต้องสงสัยเป็นเวลา 28 วันโดยไม่ต้องตั้งข้อหาและนำไปสู่การลงโทษจำคุกระยะยาวได้
ในการปราศรัยเมื่อค่ำวานี้ (22) มหาเธร์ กล่าวว่า นาจิบใช้กฎหมายกดขี่ข่มเหงเพื่อทำทุกอย่างที่เขาต้องการและประกาศว่าจะยกเลิกกฎหมาย SOMA
“ประชาชนจะได้รับการปกป้องภายใต้กฎหมายที่เท่าเทียมและความผิดใดๆ ก็ตามจะถูกนำเข้าพิจารณาและตัดสินโดยศาล” หนังสือพิมพ์นิวสเตรทไทมส์ ระบุโดยอ้างจากคำพูดของเขา
อีริค พอลเซน ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายของกลุ่มด้านสิทธิ Fortify Rights ชื่ชมประกาศดังกล่าวว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกเวลาและกล้าหาญ
“เราเรียกร้องว่าไม่มีใครควรถูกคุมขังโดยไม่มีการไต่สวนและไม่มีใครควรเป็นเหยื่อขอการจับกุมตามอำเภอใจ” เขากล่าว
หนึ่งในผู้มีชื่อเสียงที่สุดที่ถูกจับกุมภายใต้กฎหมาย SOMA คือ มาเรีย ชิน อับดุลเลาะห์ อดีตหัวหน้ากลุ่มโปรปฏิรูปเบอร์ซีฮ์ที่จัดการชุมนุมใหญ่ต่อต้านรัฐบาลของนาจิบ
เธอถูกจับกุมในปี 2016 ขณะยังคงเป็นหัวหน้ากลุ่มเบอร์ซีฮ์ในระหว่างการชุมนุมและถูกขังเดี่ยวเป็นเวลา 10 วัน ตอนนี้เธอเป็นสมาชิกรัฐสภาฝ่ายแนวร่วมรัฐบาล
นาจิบเริ่มการปราบปรามผู้วิจารณ์รัฐบาลหลังจากข้อกล่าวหาที่ว่า เขาเป็นศูนย์กลางของข่าวฉาวเกี่ยวข้องกับกองทุนรัฐ 1MDB เขาถูกจับกุมในเดือนนี้และถูกตั้งข้อหาคอร์รัปชั่น
ตัวมาหาเธร์เองระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกในช่วงปี 1981-2003 ก็เคยใช้กฎหมายกดข่มเหงกับกลุ่มผู้วิจารณ์เช่นกัน มีคนมากกว่า 100 คนรวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวถูกจับกุมและถูกกักขังโดยไม่มีการไต่สวนในระหว่างการกวาดล้างครั้งใหญ่ในปี 1987
